fbpx
Home
|
ข่าว

อนุฯกมธ.ติดตามแรงงานไทยในอิสราเอลยันช่วยเต็มที่

Featured Image
กรมการกงสุล-กรมการจัดการหางาน ให้ข้อมูล อนุฯกมธ.ติดตามแรงงายไทยในอิสราเอล ยืนยันให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ยอมรับมีแรงงานไทยไม่เดินทางกลับ เพราะเคยชินกับสถานการณ์

 

 

 

 

คณะอนุกรรมาธิการติดตามแรงงานไทยที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในประเทศอิสราเอล สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายธีระชัย แสนแก้ว ส.ส.พรรคเพื่อไทย เป็นประธานอนุกรรมาธิการฯ เชิญผู้แทนจากกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ และจากกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน เข้าให้ข้อมูลสถานการณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้น โดยในระหว่างพูดคุย มีอนุกรรมาธิการฯ พยายามสอบถาม ตัวเลขของแรงงานไทยในอิสราเอลตรงกับความเป็นจริงกับฐานข้อมูลของหน่วยงานภาครัฐมีหรือไม่ และการประสานงานระหว่างเจ้าหน้าที่กับกระทรวงแรงงานเป็นอย่างไร

 

 

 

 

 

โดยนายณรงค์ บุญเสถียรวงศ์ รองอธิบดีกรมการกงสุล ให้ข้อมูลว่า กระทรวงการต่างประเทศ ได้ทำงานร่วมกับกระทรวงแรงงานเรื่องการสำรวจตัวเลขแรงงานไทยที่ทำงานอยู่ในอิสราเอลอย่างต่อเนื่อง แต่ต้องยอมรับว่า ผู้ที่ไปทำงานอย่างผิดกฎหมาย โดยธรรมชาติจะพยายามหลบซ่อน อีกทั้งสถานการณ์สงครามยังเป็นปัจจัยที่ทำให้การีสำรวจตัวเลขไม่มีความชัดเจน และไม่สามารถทำได้เท่าที่ควร จึงตั้งเป้าไว้ที่ประมาณ 30,000 คน พร้อมย้ำ ไม่ว่า จะเป็นแรงงานที่ถูกหรือไม่ถูกตามกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศก็จะดูแลคนไทยทุกคนอย่างเต็มที่ พร้อมบูรณาการกับหลายประเทศเพื่อทำงานร่วมกัน

 

 

 

 

 

ขณะที่จัดเที่ยวบินเพื่ออพยพคนไทยกลับมายังประเทศที่ผ่านมา รัฐบาลได้จัดเที่ยวบินทั้งหมด 35 เที่ยวบิน สามารถรวบพาคนไทยกลับมาได้ประมาณ 7,000 คน ทั้งนี้ แม้ประเทศไทยจะมีแผน 2 หลังวันที่ 31 ตุลาคม ยังสามารถจัดเที่ยวบินรับคนไทยเดินทางกลับได้หากต้องการ แต่เบื้องต้นได้รับรายงานว่า มีคนไทยแสดงความประสงค์เดินทางกลับไม่ถึงร้อยคน จึงเข้าใจว่า ตัวเลขการเดินทางกลับขณะนี้อยู่ในจุดสมดุลแล้ว เนื่องจากคนไทยอาจมีความมั่นใจและเคยชินกับสถานการณ์การสู้รบที่เป็นปกติ

 

 

 

 

 

ขณะเดียวกัน มองว่า อิสราเอลคงไม่ยอมเสียหน้า คาดว่าสงครามครั้งนี้ ทางอิสราเอลก็หวงแรงงานไทย ซึ่งเป็นแรงงานสำคัญด้านการเก็บพืชไร่ เพราะในเขตที่สู้รบมีฟาร์มจำนวนมาก

 

 

 

 

รองอธิบดีกรมการกงสุล ยังเปิดเผยอีกว่า ได้รับรายงานจากเอกอัครราชทูตไทยว่า ได้รับการติดต่อจากผู้ใหญ่ของอิสราเอลอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อวานนี้ ( 7 พ.ย. 66 ) รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรของอิสราเอล เชิญทูตไปพบ สอบถามเรื่องจำนวนแรงงานไทย เพราะจะต้องคำนวณตัวเลขรายงานสำหรับการชดเชย ที่ใช้แรงงานในประเทศและกำลังทำข้อตกลงกับศรีลังกาที่จะนำเข้าแรงงานจำนวน 10,000 คนแทนที่รายงานไทย ทั้งนี้ สิ่งที่รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรแจ้งทูตไทย คือ เรื่องหลักประกันความปลอดภัยของพื้นที่บางส่วนที่รายงานสามารถทำงานได้ เช่น พื้นที่เขตทะเลทรายอาราว่า เป็นพื้นที่ปลอดภัยและทางอิสราเอลหวังให้แรงงานไทยอยู่ ซึ่งแรงงานไทยยังอยู่อิสราเอลอีก 20,000 คน

 

 

 

 

 

โดยกระจายไปในจุดที่ไม่ใช่เป้าของการโจมตี ทางอิสราเอลพยายามโน้มน้าวให้ฝ่ายไทยพิจารณาเรื่องพิจารณาส่งแรงงานไทยกลับ ซึ่งทางการไทยได้ตอบเพียงว่า หากสถานการณ์กลับไปเป็นปกติแรงงานไทย จะกลับไปแน่ เพราะการทำงานที่อิสราเอลรายได้ดี

 

 

 

 

 

ส่วนการติดต่อสื่อสารระหว่างเจ้าหน้าที่กับแรงงานนั้น รองอธิบดีกรมการกงสุล กล่าวว่า สามารถติดต่อสื่อได้ครอบคลุม โดยใช้ช่องทางการติดต่อจากบริษัทนายหน้า , พูดคุยกันในกลุ่มไลน์ , ประชาสัมพันธ์ผ่านทาง Facebook สถานทูต และยังมีคอลเซ็นเตอร์ที่ได้เพิ่มเติมเจ้าหน้าที่ในการประสานงานไปแล้ว ส่วนการเจรจาเพื่อประสานช่วยเหลือตัวประกันติดได้ต่อผ่านมิตรประเทศ คือ กาตาร์ อียิปต์ อิหร่าน เนื่องจากเป็นประเทศที่มีสายสัมพันธ์กับกองกำลังที่เกี่ยวข้อง

 

 

 

 

 

ด้านนายโอวาท ทองบ่อมะกรูด ผู้ตรวจราชการกรม กรมการจัดหางาน ให้ข้อมูลตัวเลขแรงงานที่ยื่นคำร้อง รับสิทธิประโยชน์จากกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานที่ต่างประเทศ 6,661 คนโดยพิจารณาสั่งจ่ายกองทุน 2,386 คน เป็นวงเงินกว่า 37 ล้านบาท และทางกระทรวงแรงงานมีคำสั่งให้ลงพื้นที่พบแรงงานมาแล้ว 2,654 คน ในจำนวนนี้สอบถามการช่วยเหลือด้านทำงาน ปรากฏว่ามีคนตอบแบบสอบถามประสงค์ทำงานต่างประเทศ 1,374 คน ประสงค์ทำงานในประเทศ 139 คน และต้องการประกอบอาชีพอิสระ 389 คน ที่เหลือยังลังเลต้องการพักผ่อน

 

 

 

 

 

สำหรับประเทศที่แรงงานต้องการไปทำงานหลังจากที่กลับมาจากอิสราเอล บางส่วนต้องการกลับไปทำงานที่อิสราเอล และบางส่วนต้องการไปทำงานที่เกาหลี ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น ไต้หวัน ส่วนงานที่ต้องการความช่วยเหลือคืองานภาคการเกษตร พนักงานทั่วไป ช่าง ฝ่ายผลิต พนักงานขับรถ ซึ่งกรมจัดหางานมีตำแหน่งงานรองรับอยู่

 

 

 

 

 

ในระหว่างการสอบถามข้อมูล นายธีระชัย แสนแก้ว ประธานคณะอนุกรรมาธิการ ได้เปิดเผยในที่ประชุมว่า จะเดินทางไปจังหวัดอุดรธานีวันที่ 9 พฤศจิกายนนี้ เพื่อไปเยี่ยมครอบครัวของผู้ที่สูญเสียชีวิตและครอบครัวผู้ที่ได้รับผลกระทบ

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube