ถูกจับตาว่าอาจกลายเป็น“สัญญานการเมือง”สถานีถัดไป ผ่าน “ภาษากาย”ของผู้เกี่ยวข้อง หาก “อาการป่วย” จนต้องเข้าแอดมิดโรงพยาบาลกลางดึกของ “นายกอิ๊งค์ แพทองธาร”จะเป็นเหตุผลเดียวกับ ภาพหลัง กลับจากเยือนกัมพูชาช่วงเย็นที่หลบเลี่ยงให้สัมภาษณ์กับ “นักข่าว”เพราะรู้ว่าจะเจอคำถามในเรื่องหนัก ๆ ไม่ว่าจะเป็นข่าวการเจรจากับ “ฮุนมาเน็ต”ผู้นำกัมพูชา ที่ถูกระแวงจาก “ม็อบต้าน”จะมีเรื่อง MOU44 ที่โยงกับเรื่องผลประโยชน์พลังงานหรือไม่ หรือปมวิกฤติเศรษฐกิจจาก “ภาษีทรัมป์”ที่ไทยเลื่อนการส่ง “ทีมไทยแลนด์” ไปเจรจาจากวันที่ 23เม.ย.ออกไปอย่างไม่มีกำหนดจนถูกมองว่าล่าช้าเพราะประเทศในเอเซียทุกประเทศที่ผ่านการเจรจากับสหรัฐในรอบแรกไปแล้ว

ประเด็นข้อกังขา ทำไมจู่ๆรัฐบาลไทย(22เม.ย.) ประกาศเลื่อนในการส่ง “ทีมไทยแลนด์” ที่นำโดย “พันศักดิ์”หัวหน้าทีมที่ปรึกษาบ้านพิษณุโลก และ 2 พิชัย และ “ศุภวุฒิ สายเชื้อ”เดินทางไปสหรัฐ เพื่อเจรจารอบแรกกับ “ทีมทรัมป์”กับปม การขึ้นภาษีไทย 36% หรือ “ภาษีทรัมป์”ที่เดิม “นายกอิ๊งค์ แพทองธาร” แถลงไว้ว่าเป็นวันที่ 23เม.ย. กำลังบานปลายกลายเป็นความ “ไม่เชื่อมั่น”ในการสื่อสารข้อมูลกับประชาชนคนไทย ว่า ตกลง เป็นเพราะเหตุผลกลใดกันแน่ และตกลงได้มีการนัดหรือรับนัดของสหรัฐจริงหรือไม่ เพราะไม่เคยมีการออกมายืนยันจากฝั่งสหรัฐนอกจากการออกมาบอกของ “อิ๊งค์”หลังจากที่ “ทักษิณ”ไปให้สัมภาษณ์ไว้ ที่เรื่องนี้ แม้เมื่อวานสหรัฐจะมี “สัญญานบวก”ออกมาจาก รมว.คลัง มือขวาของ “ทรัมป์” และตัว “ทรัมป์”เอง กับท่าที “ลดสอบ”ความรุนแรงกับการทำสงครามการค้ากับจีน หลังจากที่เลื่อนการพิจารณา “กำแพงภาษี” กับทุกประเทศออกมาไปอีก 90 วัน แต่ก็ยังไม่ถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ไทยจะยกเลิกไม่ไป “หยั่งเชิง” ดูหน้าไพ่สหรัฐในการเจรจารอบแรก อย่างที่หลายประเทศยังคงเดินหน้าเจรจา

คู่ขนานกับเรื่องการเมือง คือเรื่อง “การบ้าน” “โจทย์ใหญ่”ของ รัฐบาลที่นำโดย “นายกฯอิ๊งค์-แพทองธาร” ภายใต้การให้คำปรึกษาจาก “ทักษิณ”ที่ทำท่ากำลังส่งผลกระทบต่อ “การเมือง”จากนี้คือ “สัญญานวิกฤติ ซ้อนเศรษฐกิจ”กับ “ภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก”รวมถึงไทย ที่กำลังจะเกิดขึ้นในช่วงไตรมาส3และ 4 ยิ่งวันนี้(23เม.ย.) ที่ตามคำบอกของ “นายกฯอิ๊งค์”ก่อนหน้านี้ อ้างว่า เป็นวันสำหรัฐ “ให้คิว”ประเทศไทยในการส่ง “ทีมไทยแลนด์” ที่นำโดย “2พระยาพิชัย”อย่าง “พิชัย ชุณ”และ “พิชัย นริศพันธ์” รมว.คลังและรมว.พาณิชย์รวมถึง “ศุภวุฒิ สายเชื้อ” มีคิวต้องไปเจรจากับรัฐบาลสหรัฐกับปม “ภาษีทรัมป์”หากแต่เมื่อวาน(22เม.ย.) “นายกอิ๊งค์” เพิ่งมาบอกว่ามีอันต้องเลื่อนไป โดยเหตุผลยังคลุมเครือกับเรื่อง 90 วันของ “ทรัมป์” ไม่รู้ตกลงมีการนัดหมายกันจริงหรือเปล่า แล้วตกลงใครเทใคร

ถึงคิว“นายกอิ๊งค์-แพทองธาร”ต้องรีบออกมาเคลียร์คัตตัดจบ ว่ายังไม่คิดปรับครม.และไม่มีข่าว “เขี่ยภูมิใจไทย” หลังตลอดทั้งวันและก่อนหน้านี้ ข่าวการปรับครม.“แก้เผ็ด”พรรคภูมิใจไทย ดังกระหึ่มมาตั้งแต่ “ไชยชนก ชิดชอบ”เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ประกาศ คัดค้านกฎหมายกาสิโน ในนาม “ลูกครูใหญ่เนวิน” สำทับซ้ำจาก “นิด้าโพล”(20เม.ย.)ที่นอกจากจะสรุปว่า “รัฐบาล”ต้องรีบ “ปรับครม.”ยัง “ชี้เป้า” ไปยังบรรดา “รัฐมนตรี”ที่มีคะแนน “ท็อปเท็น” ทำให้วันนี้(22เม.ย.)นอกจากการออกมาชี้แจงของผู้คน ที่มีส่วน “ได้เสีย”ในรัฐบาลตั้งแต่ รัฐมนตรี ,ส.ส.ในพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลแล้ว ยังปรากฏร่องรอยการ “ปล่อยข่าว”แนว “เสี้ยม”ให้เกิดความขัดแย้งกับ “พรรคภูมิใจไทย” กับการไปแตะเก้าอี้ “มท.1”ของ “หัวหน้าหนู-อนุทิน”ที่เจ้าตัวบอกต้องเหนื่อยหน่อยเพราะเก้าอี้นี้“แข็งแรง”

ประเด็นปรับครม.กลับมาเป็นหน้าปัดข่าวอีกครั้งหลัง ปรากฎผลสำรวจความเห็นประชาชน ของ“นิด้าโพล”(20เม.ย.)ที่จั่วหัวเรื่องว่า “ประบครม.วันไหนดี”บอกว่าคนส่วนใหญ่เกือบ50% ต้องการให้ “รัฐบาลอิ๊งค์” ปรับครม.โดยเร็วที่สุด

จากเรื่องราวของ “หนุ่มBNWป้ายแดง”ที่กำลังเป็นข่าวกรณีขับรถชนรถ “ลุง”และ”ป้า” ที่เฉลยว่าเป็น “นายพีช”สมิทธิพัฒน์ หลีนวรัตน์ ลูกชายคนเล็กของ นายกฤษฎา หลีนวรัตน์ หรือ“นายกเบี้ยว” อดีตนายกอบจ.ปทุมธานี ที่ “ทักษิณ”และ”นายกฯอิ๊งค์”เคยไปร่วมเฟรมงานบวชให้แบบก่อนหน้าจะถึงวันงาน มีการขึ้นป้ายใหญ่โตจนเป็นข่าวฮือฮาทางการเมืองที่ สนามศึกเลือกตั้ง “นายกอบจ.”ตอนนั้นกำลังฟัดกับ “บิ๊กแจ๊ส” “พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง”นายกอบจ.ปทุมปัจจุบัน ซึ่งเป็นอดีต “น้องรัก”ของ “ทักษิณ”ผู้ซึ่งเคยมีวลี “ มีวันนี้เพราะพี่ให้” ที่นอกจากมิติทางคดีความที่หลายฝ่ายจับตาการทำงานของ “ตำรวจ”

นอกจากการออกตัวยืนยันจาก “นายกฯอิ๊งค์-แพทองธาร”วันนี้(18เม.ย.)หลังเรียกทีม”บิ๊กต่าย”“ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.และ “พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ” อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เพื่อรายงานผลการตรวจสอบอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)“ว่ารัฐบาลไม่ได้ปล่อยปละละเลย ยังคงเร่งสอบสวน “แก๊งกินตึกสตง.”ที่ใกล้จะสรุปเพื่อออกหมายจับ เอาผิด กับ ผู้เกี่ยวข้องที่ต้องรับผิดชอบ กับการทำให้ “ตึกสตง.ถล่มในวันที่เกิดแผ่นดินไหว(28มี.ค.)”