fbpx
Home
|
ข่าว

กกต.แจงสภาฯใช้งบปี 65 เพิ่ม

Featured Image
เลขาฯ กกต. แจงสภาฯ ใช้งบปี 65 เพิ่ม เพราะเป็นบัตร 2 ใบ ส่วนคดีทำตามขั้นตอน เรื่องทุจริตส่งศาลตัดสิน ขณะปัญหาตรวจคุณสมบัติ สส.ล่าช้า เพราะต้องประสานกว่า 20 หน่วยงาน กฎหมายจึงให้ผู้สมัครรับรองตนเอง

 

 

การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 22 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 1) วาระรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประจำปีงบประมาณ 2565 ในช่วงหนึ่ง นายธีระชัย แสนแก้ว สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ได้อภิปรายตั้งข้อสังเกตถึงการใช้งบประมาณของ กกต. พบว่า ใช้งบประมาณในปี 2565 มากกว่าปี 2564 ถึง 1,067 ล้านบาท ได้ใช้งบฯ ไปกับโครงการใดเพิ่มเติมบ้าง

 

ส่วนนายอดิศร เพียงเกษ สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นอภิปรายแสดงความกังวลว่า เหตุใด กกต. ทั้ง 7 คน ไม่ให้เกียรติสภา อยากให้เมื่อมีการชี้แจงต่อสภาฯ จำเป็นต้องมาด้วยตนเองโดยไม่มีข้อยกเว้น แต่ส่งมาเพียงเจ้าหน้าที่เป็นตัวแทนชี้แจง

 

นายอดิศร อภิปรายถึงประเด็นการเลือกตั้งล่วงหน้า กกต. ทราบหรือไม่ว่า มีการซื้อสิทธิ์ขายเสียง ขอบัตรประชาชนไปล่วงหน้า พร้อมเสนอให้ กกต. พิจารณาการเลือกตั้งล่วงหน้าใหม่ ต้องตรวจสอบว่ามาเลือกตั้งเพราะมีความจำเป็นจริงหรือไม่ หากมาเลือกตั้งอย่างไม่สุจริตต้องมีความผิด เพราะอาจจะส่งผลต่อคะแนนเลือกตั้ง และเข้าข่ายละเว้นปฏิบัติหน้าที่

 

ด้านนายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง ชี้แจงว่า กรณีการใช้งบประมาณของสำนักงาน กกต.ในปีงบประมาณ 2564 น้อยกว่าการใช้งบประมาณปี 2565 เนื่องจากปี 2564 มีการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ไม่สามารถใช้จ่ายงบประมาณในกิจกรรมดังกล่าวได้และทำให้เห็นว่าในปีงบประมาณ 2565 ใช้จ่ายงบประมาณเยอะกว่า ส่วนการใช้งบเลือกตั้งที่สมาชิกตั้งประเด็นว่าใช้งบสูงถึง 5,900ล้านบาทนั้น ในข้อเท็จจริง สำนักงบประมาณอนุมัติงบให้เพียงแค่ 4,700 ล้านบาท การที่กกต.ตั้งงบไว้สูงกว่าการเลือกตั้งครั้งอื่นๆ เนื่องจากนี้การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา มีการใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ทำให้ต้องพิมพ์บัตรเพิ่มมากขึ้นและต้องมีกรรมการประจำหน่วยเพิ่มขึ้นจาก 5 คนเป็น 9 คน และหากหน่วยเลือกตั้งไหน มี ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเกิน 800 คน ก็จะมีกรรมการประจำหน่วยเพิ่มขึ้น ทำให้การใช้งบประมาณมากขึ้น

 

ซึ่งในการเลือกตั้งสำนักงาน กกต.ใช้ไป เพียง 3,000 ล้านบาท ขณะที่หน่วยงานอื่นที่ร่วมจัดการเลือกตั้งใช้ 800 ล้านบาท

 

ส่วนเรื่องการลงคะแนนด้วยเครื่อง อิเล็กทรอนิกส์นั้น ที่ยังไม่สามารถนำมาใช้กับการเลือกตั้งสส.ได้เพราะกฎหมายยังไม่กำหนดให้สามารถนำมาใช้ได้ เนื่องจากจะต้องแก้ไขกฎหมายและให้ความมั่นใจเรื่องความปลอดภัยของคะแนน และที่สำคัญ แม้จะนำเครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ แต่งงบประมาณในการจัดการเลือกตั้งก็จะไม่น้อยลง ซึ่งเรื่องนี้ดูจากการเลือกตั้งของประเทศเอสโตเนีย อย่างไรก็ตามสำนักงาน กกต. ก็ยังคงพัฒนาเครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ได้นำไปทดลองใช้แล้ว

 

ขณะเรื่องคดีการให้ใบส้มกับสส.จังหวัดเชียงใหม่นั้น ขณะนี้ยังอยู่ในชั้นศาล ซึ่งในกรณีดังกล่าวตั้งแต่มี กกต.มา หากมีเรื่องลักษณะเช่นนี้ กกต.จะส่งไปศาลฎีกา เพื่อให้ศาลฎีกาเป็นผู้ตัดสิน เมื่อศาลฎีกาตัดสินออกมาอย่างไร ก็ต้องให้ความเคารพ

 

นอกจากนี้ เลขาฯ กกต. ยังชี้แจงถึงการตั้งข้อสังเกตเรื่องการตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัคร สส. ว่า กฎหมายได้กำหนดเรื่องคุณสมบัติถึง30 อนุมาตรา ซึ่ง กกต.ได้ร่วมกับ20 หน่วยงาน ดังนั้น จึงต้องมีการประสานงานการตรวจสอบและการตอบ อาจไม่ทันในช่วง 7 วัน กกต.จึงต้องประกาศให้เป็นผู้สมัครไปก่อน กฎหมาย จึงกำหนดให้ผู้สมัครรับรองคุณสมบัติตนเองเพื่อแก้ไข ข้อจำกัดในเรื่องการตรวจสอบ

 

สำหรับข้อซักถามเรื่องการดูงานต่างประเทศนั้น นายแสวง กล่าวว่า การเดินทางแต่ละครั้ง กกต. จะออกแบบร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศตามลักษณะพื้นที่ เช่น บางประเทศยังมีปัญหาเรื่องการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร จึงต้องเดินทางไปซ้ำ การใช้งบประมาณต่อหัวอาจสูงกว่าการเลือกตั้งทั่วไป แต่ถือเป็นสิทธิอันพึงมีของชาวไทยในต่างประเทศ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube