fbpx
Home
|
อาชญากรรม

“อัจฉริยะ” พาตำรวจชลบุรีร้องอสส.ขอให้ร่วมสอบพรบ.อุ้มหาย

Featured Image
“อัจฉริยะ “พาตำรวจชลบุรี 10 นายร้องอัยการสูงสุด ขอให้ร่วมสอบพรบ.อุ้มหาย หลังถูกยัดข้อหาเรียก 140 จากเว็บไซต์พนันออนไลน์

 

 

วันนี้ (5 ก.ค. 66) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม นำตำรวจสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี 10 นาย มาร้องขอความเป็นธรรมกับอัยการสูงสุด เพื่อให้ร่วมการสอบสวนตามพ.ร.บ.อุ้มหาย ในคดีที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนร่วมในการจับผู้ต้องหาเว็บไซต์พนันออนไลน์ไปเรียกเงินกว่า 140 ล้านบาท

 

 

นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ตำรวจที่มีรายชื่ออยู่ในชุดจับกุมหลายคนไม่ได้กระทำความผิดแต่กลับถูกเรียกตัวมารับทราบข้อกล่าวหาที่สโมสรตำรวจ ซึ่งเป็นสถานที่ทำงานชุดสืบสวนของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยที่ผ่านมาพบว่าชุดทำงานพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ สร้างพยานหลักฐานเท็จ และสอบสวนไม่ชอบด้วยกฎหมาย รวมทั้งมีลูกน้องของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เกี่ยวข้องกับการอุ้มตัวนายเป้ ผู้ต้องหาเว็บพนันไปอุ้มรีดเงินด้วย

 

 

นายอัจฉริยะ กล่าวอีกว่า คดีนี้ได้สั่งการให้ตำรวตำแหน่งรองสารวัตรจราจร และรองผู้กำกับการปราบปราม ของสภ.พัทยา ให้ร่วมนำตำรวจในชุดจับกุมมาแจ้งข้อกล่าวหา และทำเอกสารรายงานการสืบสวนไปขอศาลออกหมายจับ รวมทั้งปลอมลายเซน และบังคับให้พนักงานสอบสวนบางนาย ลงชื่อในบันทึกจับกุม ซึ่งหากทำสำเร็จจะให้เลื่อนตำแหน่งที่สูงขึ้น

 

 

นอกจากนั้นยังมีเอกสารการสืบสวนคดีของนายเป้ ที่พบว่าเป็นเจ้าของเว็บพนันออนไลน์หลายเว็บไซต์ โดยมีเงินหมุนเวียนกว่า 10,841 ล้านบาทต่อเดือน จากนั้นจะส่งเงินเป็นระบบคริปโตฯ ไปยังไปประเทศสิงคโปร์ แต่หลังจากที่นายเป้ถูกจับแล้ว กลับพบว่ามีความพยายามทำให้นายเป้ พ้นผิด
นายอัจฉริยะ ได้นำภาพถ่ายที่ระบุว่า เป็นภาพของรองผู้บังคับการสืบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กำลังนั่งสอบปากคำ นายบอย ที่พบว่าเป็นคนมาเจรจาเรื่องเงิน 140 ล้านบาท ซึ่งพบว่าเป็นลูกน้องคนสนิทของพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ มาแสดงต่อสื่อมวลชน และระบุว่าเป็นคนที่ช่วยเหลือให้นายบอย หลบหนีไปประเทศสิงคโปร์ หลังจากเกิดเหตุแล้ว โดยยังมีนักการเมืองของพรรคเพื่อไทยคนหนึ่งได้ร่วมกระทำผิดกับนายบอยด้วย

 

 

พร้อมกับตั้งคำถามถึงพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ว่า จะดำเนินคดีกับเพื่อนของตัวเองหรือไม่ เนื่องจากมีหลักฐานที่พบว่ากระทำผิดชัดเจนส่วนการที่นายเป้ อ้างว่าถูกรีดเงินกว่า 140 ล้านบาท นั้น แท้จริงแล้วถูกเรียกเงินเพียง 65 ล้านบาทเท่านั้น
นายอัจฉริยะ ยังได้นำคลิปเสียงของผู้กำกับสภ.เมืองพัทยา ที่ได้โทรศัพท์มาเรียกให้ ดาบตำรวจกิติศักดิ์ นาคนิยม ผบ.หมู่ปราบปรามสภ.เมืองพัทยา ซึ่งมีรายชื่ออยู่ในชุดจับกุม ที่เข้าไปช่วยค้นที่คอนโดมิเนียมของเครือข่าย มาพบที่สโมสรตำรวจ แต่ปฏิเสธไม่เข้าพบเนื่องจากต้องการทนายความเข้าไปด้วย ทำให้ผู้กำกับสภ.เมืองพัทยา ถูกสั่งย้ายให้มาช่วยราชการที่ สโมสรตำรวจ หลังจากที่ไม่สามารถเรียกตัวผู้ใต้บังคับบัญชามาได้ และเห็นว่าตำรวจหลายนายถูกข่มขู่เพื่อให้มารับทราบข้อกล่าวหา และจะตกเป็นผู้ต้องหาทันที โดยที่ยังไม่มีการสอบสวนร่วมกับอัยการ ตามพ.ร.บ.อุ้มหาย

 

 

ขณะที่ร.ต.อ.สมบุญ บุดดาเลิศ รองสารวัตรสืบสวน สภ.พลูตาหลวง เปิดเผยว่า ได้รับคำสั่งให้มาช่วยตรวจค้นในวันจับกุม ร่วมกับตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ สอท. โดยไปทำหน้าที่อ่านหมายจับต่อหน้าผู้ต้องหา ในบ้านของผู้ต้องหาย่านคันนายาว จากนั้นก็ได้นำตัวไปที่ตำรวจภูธรชลบุรี และไม่ได้เกี่ยวข้องกับการร่วมทำคดีอีก และไม่รู้เรื่องการเรียกรับเงิบ 140 ล้านบาท จนกระทั่งถูกเรียกให้มาที่สโมสรตำรวจ และถูกแจ้งข้อกล่าวหา 4 ข้อหา ทันที โดยถูกให้เหตุผลว่า มาพบพนักงานสอบสวนเอง ไม่ได้ออกหมายเรียกมาพบจึงต้องแจ้งข้อหาทันที จึงเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม

 

 

นายอัจฉริยะ ยังกล่าวว่า หลังจากนี้หากพล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ยังไม่ให้ความเป็นธรรมกับตำรวจที่ยืนยันว่าไม่ได้ร่วมกระทำความผิด ก็จะไปร้องให้กองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ปปป. ดำเนินคดีกับชุดจับกุม และแจ้งกล่าวหาโดยมิชอบ

 

 

ขณะที่นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยถึงขั้นตอนหลังจากรับหนังสือดังกล่าว ว่า พร้อมชี้แจงว่า ก่อนหน้านี้มีตำรวจ 5 นาย ซึ่งถูกแจ้งข้อกล่าวหาในคดีดังกล่าว ประกอบด้วยตำรวจในท้องที่จ.ชลบุรี และตำรวจ สอท. นำหนังสือ มาร้องขอความเป็นธรรมกับสำนักงานอัยการสูงสุดแล้ว

 

 

โดยสำนักงานอัยการ ฝ่ายการสอบสวน อยู่ระหว่างการดำเนินการ ส่วนหนังสือที่ยื่นในวันนี้จะนำเสนออัยการสูงสุดในช่วงบ่ายวันนี้ ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ที่จะนำไปรวม กับผู้ที่มาร้องเรียนไปแล้วก่อนหน้านี้ ซึ่งได้พิจารณาไปแล้วส่วนหนึ่ง หากรวมทั้ง 2 กรณีไว้ด้วยกันได้ก็จะรวม และจะพยายามเร่งรัด ให้เร็วที่สุด ยืนยันว่าอัยการสูงสุดจะให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่าย จะทำให้กฎหมายมี ประสิทธิภาพ ในการคุ้มครอง สังคมและประชาชน

 

 

ซึ่งหากพิจารณาข้อมูลการร้องขอความเป็นธรรมว่าเข้าข่ายตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ ก็จะนำเสนอความเห็นให้อัยการสูงสุดสั่งการดำเนินการช่วยเหลือทางกฎหมายต่อไป ซึ่งยืนยันจะให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube