“อัจฉริยะ” จี้เอาผิด บิ๊กสรรพสามิต โทรเคลียร์ ตร.ทางหลวง

วันนี้ (8 มิ.ย.66) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ยื่นหนังสือถึง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว  ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.)  เพื่อขอให้สืบสวนสอบสวนกรณีตำรวจทางหลวง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จับกุมน้ำมันเถื่อนดีเซล 40,000ลิตร แล้วมีเจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิต โทรศัพท์มาสั่งให้ปล่อย ผู้ต้องหาพร้อมของกลาง เหตุเกิดที่บริเวณริมถนนเพชรเกษม ขาเข้า ต.เกาะหลัก อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์

นายอัจฉริยะ  กล่าวว่า ได้รับข้อมูลจากจากพลเมืองดี ไม่ประสงค์ออกนามว่า กรณีที่มีตำรวจทางหลวง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จับกุมน้ำมันเถื่อนดีเซล 40,000ลิตร แล้วมีเจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิต โทรศัพท์มาสั่งให้ปล่อย ผู้ต้องหาพร้อมของกลาง  สืบเนื่องจากเรื่องนี้มีขบวนการลักลอบสำแดงเท็จว่าน้ำมันรถบรรทุกคันดังกล่าวเป็นน้ำมันดำที่นำเข้ามาจากประเทศมาเลเซีย โดยมี เจ้าของรถบรรทุก  คันดังกล่าวได้ว่าจ้างนายสมบัติ   อายุ 47  ปี พร้อมของกลางรถบรรทุก  ที่บรรทุกน้ำมันดังกล่าวมาจากจังหวัดสงขลา ปลายทาง จังหวัดปทุมธานี เพื่อนำมาส่งให้บริษัทแห่งหนึ่ง

ทั้งนี้ นายอัจฉริยะ กล่าวเพิ่มเติมว่า เจ้าของบริษัทดังกล่าว เป็นเจ้าของน้ำมันเถื่อน ที่ ในอดีตเคยทำร่วมกับอดีตตำรวจน้ำต่อมามีปัญหากันจึงมาเป็นคนสนิทของ ผู้บริหารระดับสูงของกรมสรรพสามิตซึ่งมีมือขวาในการเก็บส่วยของหนีภาษีทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นบุหรี่เถื่อน เหล้าเถื่อน น้ำมันเถื่อน และของเถื่อนอื่นๆ โดยในวันดังกล่าว ผู้บริหารระดับสูงของกรมสรรพสามิตได้สั่งให้ ลูกน้องคนสนิท

เป็นผู้โทรศัพท์ไปหา เจ้าหน้าที่สรรพสามิต จังหวัดประจวบคีรีขันธ์  โดยขอให้ปล่อยรถบรรทุกน้ำมันคันกล่าว เจ้าหน้าที่ ปฏิเสธว่าไม่สามารถปล่อยได้ เพราะตำรวจทางหลวงเป็นผู้จับกุมและปรากฏว่าก็ไม่ได้มีการส่งท้องที่ตามที่เป็นข่าว และรถก็ได้มีการหายไปจากสรรพสามิตประจวบคีรีขันธ์ ตอนนี้ทางสรรพสามิตกำลังไปตรวจสอบว่ารถบรรทุกน้ำมันหายไปไหน ในระหว่างที่มีการตรวจสอบก็ได้เก็บตัวอย่างน้ำมันไว้แล้วไม่ว่า จะเป็นของตำรวจทางหลวงหรือของสรรพสามิตเอาไว้ไปตรวจสอบว่าปริมาณน้ำมันเป็นน้ำมันเถื่อนหรือไม่เนื่องจาก

ผสมสารคาร์บอน จากนั้น คนสนิทดังกล่าว จึงได้ขอเบอร์โทรของสรรพสามิตชุดจับกุม โดยโทรศัพท์ไปหาชุดจับกุมให้อำนวยความสะดวกในการปล่อยรถบรรทุกน้ำมันเถื่อนคันนี้ โดยยืนยันว่าเป็นรถน้ำมันเถื่อนของพรรคพวก ผู้บริหารระดับสูงของกรมสรรพสามิต แต่สรรพสามิตได้แจ้งว่าตำรวจทางหลวงเป็นผู้จับไม่สามารถปล่อยได้

 

 

 

จึงได้นำรถบรรทุกน้ำมันเถื่อนคันดังกล่าวไปชั่งน้ำหนักที่ด่านตาชั่งและทำการเก็บน้ำมันของกลางเป็นตัวอย่างเพื่อส่งให้ตรวจพิสูจน์ว่าเป็นน้ำมันเถื่อนหรือไม่ ต่อมาเจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิตจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จึงได้ยึดรถบรรทุกน้ำมันคันดังกล่าวไปเก็บไว้เพื่อดำเนินการตรวจสอบต่อไป โดยที่ยังไม่ส่งตำรวจท้องที่ สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป