fbpx
Home
|
อาชญากรรม

ผบ.ตร. ส่งสำนวนคดีตู้ห่าวให้อัยการสูงสุดพิจารณา

Featured Image
ผบ.ตร. ส่งสำนวนคดีตู้ห่าวกว่า 67 แฟ้ม ให้อัยการสูงสุดพิจารณา

 

 

วันนี้ 13 ม.ค.66 พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติพร้อม นายกุลธนิต มงคลสวัสดิ์อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวนและ พนักงานสอบสวนคดีตู้ห่าว นำสำนวน 13 กล่องหรือ 13 ลังหนา 67 แฟ้ม 20,000 กว่าหน้าส่งมอบให้อัยการสูงสุดพิจารณามีความเห็นทางคดีสั่งฟ้องตู้ห่าวกับพวกรวม 43 ราย ประกอบด้วยผู้ต้องหาเป็นบุคคลจำนวน 38 รายและนิติบุคคลอีก 5 รายโดยในจำนวนนี้ยังมีผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีการจับกุมจำนวน 18 รายซึ่งเป็นบุคคล

 

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า คดีนี้จุดเริ่มต้นเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 26 ตุลาคม 2565 เมื่อผู้บัญชาการตำรวจนครบาลซึ่งนำโดยพลตำรวจโทธิติ แสงสว่าง และตำรวจฝ่ายสืบสวนของกองบังคับการตำรวจนครบาลร่วมกันเข้าตรวจค้นผับจิ้นหลิงจนพบผู้เสพสารเสพติดซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวคนจีนคนไทยและชาติอื่นๆ รวมกว่า 70 คน ซึ่งจากการสืบสวนหลังเข้าตรวจค้นพบว่าผับดังกล่าว และผู้อยู่เบื้องหลังคือนายตู้ห่าว หรือนาย ชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ นอกจากนี้จากการสืบสวนของตำรวจฝ่ายสืบสวนนครบาลยังพบผู้ร่วมกระทำผิด

 

ซึ่งเป็นผู้ต้องหาหลักๆ ได้ทั้งสิ้น 43 รายโดยแบ่งเป็นบุคคลจำนวน 38 รายและนิติบุคคลอีก 5 ราย โดยในจำนวนนี้ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 20 รายส่วนที่เหลืออีก 18 รายอยู่ระหว่างการหลบหนี ซึ่งทั้ง 18 รายเป็นบุคคลธรรมดา โดยคดีนี้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลได้ทำหนังสือถึงอัยการสูงสุดให้พิจารณาดำเนินคดี กับตู้ห่าวและพวก

 

ในความผิดฐานอาชญากรรมข้ามชาติ หรือคดีนอกอาณาจักร ต่อมาอัยการสูงสุด รับพิจารณา แล้วเห็นว่าคดีนี้เป็นคดีนอกราชอาณาจักรหรือคดีอาชญากรรมข้ามชาติจึงสั่งตั้งคณะทำงานพนักงานสอบสวนของอัยการสูงสุดขึ้นมาทำงานร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดย อัยการสูงสุดรับคดีนี้เข้าสู่การสอบสวนในวันที่ 16 ธันวาคม 2565

 

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ยังกล่าวถึงกรณี การดำเนินคดีกับตำรวจ 6 นายที่มีส่วนกระทำผิด ในคดีตู้ห่าว ว่า ตำรวจ 5 นาย ทีที่ส่วนเกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือผู้ต้องหาในคดีตู้ห่าว ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอน การพิจารณาของ ปปช. ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนแล้ว หลังพบว่ามีส่วนทำให้คดีเสียหาย ส่วน พ.ต.อ.วัทนารีย์ ภรรยาของนายตู้ห่าว ซึ่งพบพยานหลักฐานเชื่อมโยงว่ามีส่วนรู้เห็นกับการฟอกเงิน เป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้เลย ก็ต้องให้ออกจากราชการเช่นเดียวกัน ยืนยันตำรวจไม่มีการช่วยเหลือบุคคลใดบุคคลหนึ่ง

 

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ยังบอกอีกว่า ในคดีนี้ตำรวจสามารถ สอบปากคำพยานได้กว่า 70 ปาก นอกจากนี้ยังมีพยานหลักฐานเป็นพยานเอกสาร พยานจากนิติวิทยาศาสตร์ และวัตถุพยานอื่นๆ อีกจำนวนมาก และสามารถยึดอายัดทรัพย์ได้กว่า 5,000 ล้านบาท จึงมั่นใจว่า สำนวนทั้ง 13 ลัง จะสามารถเอาผิดผู้ต้องหาทั้งหมดได้ ตามข้อกล่าวหาที่ตั้งมาก่อนหน้านี้ได้

 

ด้านนายกุลธนิต บอกอีกว่า ตั้งแต่รับคดีนี้เข้าสู่อำนาจการสอบสวน วันที่ 16 ธันวาคมที่ผ่านมา ตนพร้อมคณะอัยการและตำรวจ 4 หน่วยงานในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ทำงานตลอดทั้งวันทั้งคืนจนสามารถสอบปากคำผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องและรับรู้ในคดีนี้ ซึ่งสำนวนที่นำมาส่งให้อัยการสูงสุดในวันนี้ ถือว่าสิ้นสุดการสอบสวนแล้ว หลังจากนี้จะเป็นอำนาจของอัยการสูงสุดที่จะพิจารณาสำนวนเพื่อนำไปสู่ ความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหา และขอยืนยันว่าคณะพนักงานสอบสวนทั้งสององค์กรไม่มีการเรียกรับ ศีลบนในการทำคดีจับตู้ห่าว

 

อย่างไรก็ตามในระหว่างที่คณะพนักงานสอบสวนนำสำนวน มาส่งมอบให้อัยการสูงสุด นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ซึ่งถือเป็นฟันเฟืองสำคัญในการตรวจสอบคดีนี้ ได้เดินทางมาร่วมสังเกตการณ์และให้กำลังใจ คณะทำงาน โดยนายชูวิทย์ ได้ยกมือไหว้ขอโทษ นายกุลธนิตและ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ที่ตนกระทำการล่วงเกินต่อคณะทำงาน แต่ยืนยันว่า การกระทำของตน เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ ไม่มีเรื่องอื่นแอบแฝง พร้อม จะเกาะติดคดีนี้ ต่อไป

 

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

 

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube