fbpx
Home
|
ข่าว

ภท. เปิดนโยบายกองทุนฌาปณกิจสงเคราะห์

Featured Image
ภูมิใจไทย เปิดนโยบายเอาใจ อสม. -อสส. ผุดกองทุนฌาปณกิจสงเคราะห์ เป็นมรดกลูกหลานหลาน 5 แสนบาท หรือนำใบมากู้ปลอดดอกเบี้ยคนละ 100,000 ยันไม่กระทบงบแผ่นดิน ลั่นไม่มีหนี้เสียแน่นอน

 

 

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วย นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรค นายจำรัส คำรอด ผู้สมัครส.ส. บัญชีรายชื่อ และนางสาวเรวดี รัศมีทัต ผู้สมัครส.ส. บัญชีรายชื่อแถลงเปิดนโยบายการพัฒนาและสวัสดิการ อสม.และ อสส. โดยระบุว่า ตนเป็นหัวหน้าพรรคเพียงคนเดียวที่ส่วนหนึ่งของ อสม. โดยเป็นอาสาสมัครในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ ทำหน้าที่ อสม.ในหลายบทบาท พร้อมยอมรับว่า ตนนั้นไม่เก่ง และไม่ชำนาญเท่า อสม. แต่ตนก็อาสาขนส่งอวัยวะสำหรับผู้ป่วย

 

 

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาทุ่มเทสรรพกำลัง ต่อสู้ปกป้องสิทธิต่างๆ ของ อสม. ส่งเสริมนโยบายเพื่อให้ อสม.ได้รับประโยชน์ แต่ยังคงต้องไม่เสียหลักการของคำว่าอาสาสมัคร

 

 

โดยมองว่าคงไม่มีใครถ่ายทอดประสบการณ์ของ อสม.ได้ดี เท่าการที่ อสม.สมัครเป็นผู้แทนพรรคภูมิใจไทย ทำให้เจตนารมณ์พรรคเป็นไปได้อย่างราบรื่น และเป็นสัญลักษณ์ถ่ายทอดความต้องการให้คนเข้ามาบริหารประเทศ ทำนโยบายต่างๆ ให้เกิดความสำเร็จ มีความตั้งใจให้ความเป็น อสม.นั้นสำคัญ เพิ่มระบบสุขภาพของคนไทยทุกคน ทำให้ความแออัดใน ร.พ.ลดน้อยลง เพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาพยาบาลมากขึ้น

 

 

นอกจากนี้ ยังมีการผลิต อสม. 1 ตำบล 1 ผู้ช่วยพยาบาล โดยตั้งเป้าปีละ 3,000 -5,000 คน เพื่อให้ชาวบ้านมั่นใจมากขึ้นว่าป่วยในเบื้องต้น อสม.สามารถดูแลได้ รวมไปถึงการดูแลผู้สูงอายุ ที่จะต้องพัฒนาให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีไม่เป็นภาระของลูกหลานทำให้ขาดโอกาสในการทำงานและใช้ชีวิต

 

 

นายอนุทิน ยังระบุ ได้มีการผลักดันเรื่องค่าตอบแทนของ อสม.เข้าร่างพรบ.งบประมาณ 2567 เพื่อเพิ่มเป็นเดือนละ 2,000 บาท ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เป็นสิ่งที่มั่นคงถาวร หลายคนออกมาพูดว่าทำไมไม่ให้เยอะๆ พูดได้ แต่ทำไม่ได้ พูดแล้วทำไม่ได้ ภูมิใจไทยไม่ทำ ขณะที่กองทุนฌาปนกิจสงเคราะห์ นายอนุทินกล่าวว่า

 

 

กรณีที่ อสม.กลับบ้านเก่าจะมีมรดกให้ลูกหลานได้ถึง 5 แสนบาท มั่นใจว่า ต่อให้ในอนาคตเป็นอย่างไร อสม. ก็จะได้รับอานิสงส์ที่ทำมา โดยเงินในกองทุนฌาปณกิจยืนยันว่า ไม่กระทบกระเป๋าเงินของ อสม.แน่นอน เนื่องจากเป็นการหยอดเงินเดือนละ 400 -500 บาท

 

 

ซึ่งอยู่ในวงเงินที่ได้ค่าตอบแทนกลับคืนมา เป็นการวางแผนในอนาคต ซึ่งไม่ใช่เงินของรัฐ แต่เป็นเงินของ อสม. เอง พร้อมยืนยันว่า การขึ้นค่าตอบเเทนให้ อสม. ไม่ใช่เพราะเป็นช่วงการเลือกตั้ง แต่มีเหตุมีผล ที่หากไม่ทำด้วยใจ ทำไม่ได้ และหากจะทำด้วยการต้องการหาเสียงก็ไม่ได้เช่นกัน แต่มองว่าคุณภาพชีวิตของอสม.ต้องดีขึ้น อสม.จึงกล้าเสี่ยงเข้าไปดูแลคนป่วย

 

 

นอกจากนี้ ยังมีการเสนอเพิ่มค่าตอบแทนอสม 2,000 บาท ซึ่งยังไม่ได้พูดแต่ทำไปแล้ว และนี่เป็นเครดิตของคณะรัฐมนตรีทุกคนที่ให้การสนับสนุน พร้อมกับยังมีการผลักดันให้ อสม. เมื่อเจ็บป่วยมีประกันชดเชยรายได้ ไม่น้อยกว่าค่าจ้างขั้นต่ำ และมีห้องพักในโรงพยาบาล เจ็บป่วยมีห้องพักฟรี ค่าอาหารฟรี เพื่อเพิ่มศักยภาพของ อสม.เพิ่มมากขึ้น แต่สิ่งที่สำคัญอีกคือเรื่องหนึ่งคือหากมีสถาบันเกิดขึ้น รวมไปถึงยังมีการออกโครงการในส่วนของ อสม. เป็นสมาชิกฌาปนกิจสงเคราะห์ ถือใบมูลค่า 500,000 บาท ไว้อยู่แล้ว

 

 

โดยมีการคิดต่อไปว่า หากมีกฎหมายที่ดูแลมีสถาบัน อสม. มีหน่วยงานกลางที่คอยดูแล ก็น่าจะใช้หลักเดียวกันได้ว่า อสม.สามารถใช้สิทธิ์ของการเป็นสมาชิกฌาปนกิจสงเคราะห์ 500,000 บาท ในการกู้ยืม โดยพรรคภูมิใจไทยจะให้เป็นเงินยืมโดยดอกเบี้ยอาจจะไม่มีหรือต่ำมากๆ

 

 

เพื่อช่วยกันหมุนเวียน แต่คงจะต้องมีคุณสมบัติต่างๆ เพื่อให้อสม.กำหนดไว้ โดยสามารถกู้ยืมได้คนละ 100,000 บาท ในอัตราปลอดดอกเบี้ย เพราะถือว่าเป็นการกู้ยืมเงินตัวเอง โดยคาดว่า อาจจะมีการเก็บค่าแรกเข้า เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการบริหารจัดการ

 

 

พร้อมยืนยันว่าไม่กลัวหนี้เสีย เพราะมีการนำเงิน 5 แสนมาค้ำประกันไว้ก่อน ซึ่งเป็นเงินที่เป็นการเพิ่มค่าตอบแทนให้ ไม่เป็นการรบกวนเงินค่าประเทศ พร้อมยืนยัน?ว่า ไม่ใช่การตั้งเงินสกุลใหม่? เป็นเงินของเราเองที่หมุนเวียนกันอยู่ในนี้ อยู่ในสังคมของอสม.ดูแลเฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุข

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube