fbpx
Home
|
ข่าว

สส.เพื่อไทย ชงหวาน”แลนด์บริดจ์”ระดับโลก-มาในเวลาที่ใช่

Featured Image

 

 

สส.เพื่อไทย ชงหวานโครงการแลนด์บริดจ์ ระดับโลก-มาในเวลาที่ใช่ แนะสานต่อยกระดับความเจริญ ด้าน “ศาสตรา” รทสช. อภิปรายหนุนให้สภาฯ ผ่านร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 67 ย้ำรัฐบาลจัดงบได้ดี

 

 

 

การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท วาระแรก เป็นวันที่ 2 สส.ฝ่ายรัฐบาลต่างอภิปรายสนับสนุน โดย น.ส.ศรีญาดา ปาลิมมาพันธ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) อภิปรายถึงโครงการแลนด์บริดจ์ว่า มีการประเมินว่าจะทำให้จีดีพีของประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.5 ของทุกปี ซึ่งในงบฯปี 67 นี้ ได้จัดทำเพื่อศึกษาความเหมาะสม การออกแบบเบื้องต้น การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม การวิเคราะห์รูปแบบการลงทุน และยังมีการตั้งงบฯพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้(SEC) ให้มีความสมบูรณ์ และเมื่อโครงการแลนด์บริดจ์เกิดขึ้นในอนาคต หวังว่ารัฐบาลจะจัดงบฯ ในปี2568 เพื่อรองรับการสร้างโอกาสให้โครงการแลนด์บริดจ์ เพราะหัวใจของโครงการนี้จะทำให้จีดีพีเพิ่มขึ้น แล้วยังทำให้เกิดการจ้างงานในพื้นที่ เกิดความเจริญรอบๆโครงการ ซึ่งรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ชูธงโครงการแลนด์บริดจ์ เป็นโครงการระดับโลก เพื่อให้เป็นเส้นทางเดินเรือของโลกโดยผ่านประเทศไทย

 

 

 

ถือว่าโครงการนี้มาในเวลาที่ใช่ เพราะปัจจุบันช่องแคบมะละกาเริ่มแออัด โครงการแลนด์บริดจ์จะเป็นเส้นทางสำรองเชื่อมทั้งทางทะเล และทางบก ช่วยสร้างห่วงโซ่การขนส่งภูมิภาคไปจนถึงระดับโลก พาประเทศไทยไปสู่การลงทุนสร้างความเจริญให้ประเทศ

 

 

 

ด้านนายศาสตรา ศรีปาน สส.สงขลา เขต 2 พรรครวมไทยสร้างชาติ อภิปรายว่า วงเงินงบประมาณปี 2567 ที่จัดไว้ 3.48 ล้านล้านบาท เป็นการตั้งงบที่น่าจะมากที่สุดในรอบ 10 ปี งบประมาณนี้ จะใช้เป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนนโยบายดี ๆ ขับเคลื่อนเรื่องเศรษฐกิจ แก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม โครงสร้างพื้นฐาน พืชผลทางการเกษตรให้กับประชาชน

 

 

 

นายศาสตรา อภิปรายว่า นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรคได้อภิปรายในสภาฯ เมื่อวันที่ 3 มกราคม โดยย้ำว่า งบประมาณ 100 บาท ต้องส่งถึงประชาชนให้ได้เต็ม 100 บาท จากคำแถลงของนายเศรษฐา ที่ระบุรายจ่ายประจำปี 2567 ตนได้ให้ความสนใจ ในเรื่องยุทธศาสตร์ที่ 2 ข้อที่ 4 เกี่ยวกับเรื่องการท่องเที่ยว เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2566 นายกรัฐมนตรีได้แถลงนโยบายต่อที่ประชุมสภาฯ ในเรื่องการท่องเที่ยวไว้อย่างน่าสนใจ

 

 

 

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีแถลงว่า รัฐบาลจะผลักดันการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว กระจายรายได้ กระจายโอกาส ให้กับพี่น้องประชาชนคนไทย และยังมีควิกวินซึ่งน่าสนใจ ทั้งเรื่องการเปิดประตูรับนักท่องเที่ยว การอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามา การปรับปรุงขั้นตอนการขอวีว่า ฟรีวีซ่า ให้กับประเทศต่างๆ เพื่อเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวมากมาย

 

 

 

สำหรับตนเป็นเด็กหาดใหญ่ ลูกสงขลา ต้องขอขอบคุณรัฐบาล ที่ได้ยกเลิก ใบตม.6 หรือ TM 6 ที่ประสบปัญหาที่หน้าด่านสะเดาในการเข้าออกของนักท่องเที่ยวเกิดความแออัด ตนได้ต่อสู้ในสภาฯ แห่งนี้มานาน จนวันนี้นักท่องเที่ยวมีความพึงพอใจมาก ตัวเลขนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียวันนี้ขึ้นสูงเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย ทำให้เจ้าของโรงแรม พ่อค้า แม่ค้า มีรายได้ มีการจับจ่ายใช้สอย

 

 

 

อย่างไรก็ตาม มากไปกว่านั้น วันนี้การจัดสรรงบประมาณต่าง ๆ ตนคิดว่ามีความสอดคล้องกับการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยว ในเรื่องการยกระดับเมืองรอง และเป็นความท้าทายอย่างยิ่ง ซึ่งมีการจัดสรรงบประมาณในเรื่องสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ตนเห็นว่าถ้าจะยกระดับเมืองรองในเรื่องสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานการจัดสรรงบประมาณแบบนี้ เมืองรองจะได้ประโยชน์ เพราะวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นงานใหญ่ๆ งานอีเว้นท์ระดับโลก งานไมส์ งาน Festival เขาไม่ไปเมืองรอง เพราะถนนไม่ดี ห้องน้ำไม่ดี ไม่มีทางที่ผู้จัดจะมาจัดในเมืองเล็ก ๆ ในชนบท ถ้านโยบายของรัฐบาลให้ความสำคัญมีการจัดสรรงบประมาณให้ถือว่าถูกต้องที่สุด เช่น ประเทศญี่ปุ่นมีหมู่บ้านเล็กๆ ในพื้นที่ห่างไกล ใครก็อยากไป นี่คือการยกระดับการเที่ยวกระจายรายได้กระจายโอกาส

 

 

 

นายศาสตรา ย้ำว่า พรรครวมไทยสร้างชาติขอโหวตร่าง พ.ร.บ. งบประมาณในวาระที่ 1 ให้ผ่าน พร้อมทั้งอยากเชิญชวนให้ทุกคน ได้โหวตให้ผ่านวาระ 1 และขอวิงวอนว่า จะต้องใช้งบประมาณนี้อย่างคุ้มค่า และให้คิดในใจเสมอว่า งบประมาณทุกบาททุกสตางค์คือภาษีของประชาชน

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube