DSI จับก๊วนทุจริตขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม ทำรัฐเสียหายเกือบ 5 พันล้าน อธิบดีฯ ไม่ปล่อยผ่านมีความเห็นควรสั่งฟ้องทุกข้อหา
วันนี้ (6 ต.ค. 66) นางพิชญา ธารากรสันติ โฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ และ นายธานินทร์ เปรมปรีดิ์ ผู้อำนวยการกองคดีภาษีอากร แถลงข่าว กรณี DSI ดำเนินคดีกรณีการทุจริตขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม กว่า 4,900 ล้านบาท ที่ ห้องรับรองกรมสอบสวนคดีพิเศษ ชั้น 2 อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ อาคารเอ ถนนแจ้งวัฒนะ
นายธานินทร์ กล่าวว่า กองคดีภาษีอากร ได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนกรณีที่กรมสรรพากรได้ร้องทุกข์ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษให้ดำเนินคดีกับกลุ่มนิติบุคคลและผู้เกี่ยวข้องซึ่งมีพฤติการณ์ขอคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นเท็จ ในรอบปี พ.ศ. 2554 – 2556 ซึ่งจากการสืบสวนสอบสวนพบว่ามีบุคคลได้รับเงินจากการทุจริตในการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มและไม่สามารถชี้แจงที่มาของเงินดังกล่าวได้
คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้รวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน เชื่อได้ว่า นายสุรศักดิ์ (ขอสงวนนามสกุล) ในฐานะเจ้าของกิจการหลายบริษัท ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับรับ ซื้อ ขาย ของเก่าประเภททองแดง ทองเหลืองได้รับเงินจากกลุ่มนิติบุคคลและผู้เกี่ยวข้องซึ่งมีพฤติการณ์ขอคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นเท็จ และปิดบังซ่อนเร้น ไม่นำเงินได้ดังกล่าวมายื่นเสียภาษีเงินได้ต่อกรมสรรพากร ทำให้รัฐขาดรายได้ในการจัดเก็บภาษี เป็นมูลค่าความเสียหาย จำนวนเงิน 4,915,093,268.32 บาท
อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษจึงได้มีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาในความผิดฐานกระทำโดยความเท็จ โดยฉ้อโกงหรืออุบาย หรือโดยวิธีการอื่นใดทำนองเดียวกัน หลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร ตามมาตรา 37 แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กองคดีภาษีอากร ได้ส่งสำนวนคดีพิเศษที่ 58/2566 นี้ พร้อมตัวผู้ต้องหา ไปยังสำนักงานอัยการคดีพิเศษ เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2566 เรียบร้อยแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณามีความเห็นของพนักงานอัยการ
นายธานินทร์ กล่าวอีกว่า นอกจากคดีนายสุรศักดิ์แล้ว พนักงานสอบสวนคดีพิเศษยังได้ดำเนินคดีกับบุคคลที่มีพฤติการณ์เช่นเดียวกันนี้ ในการได้รับเงินจากกลุ่มนิติบุคคลและผู้เกี่ยวข้องซึ่งมีพฤติการณ์ขอคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นเท็จรายอื่นด้วย โดยได้มีความเห็นสั่งฟ้องไปก่อนหน้านี้ในคดีพิเศษที่ 115/2565 ความผิดฐานกระทำโดยความเท็จ โดยฉ้อโกงหรืออุบาย หรือโดยวิธีการอื่นใดทำนองเดียวกัน หลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร ตามมาตรา 37 แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งมีมูลค่าความเสียหาย จำนวนเงิน 4,366,742,951 บาท และคดีพิเศษที่ 152/2561 ความผิดฐานฟอกเงิน จำนวนเงิน 296,897,908.57 บาท นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการขยายผลเพิ่มอีกหนึ่งคดี ได้แก่ คดีพิเศษที่ 54/2566 จำนวนเงิน 1,132,231,291 บาทรัฐ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews