fbpx
Home
|
ข่าว

“ร่มธรรม” ซัดนโยบายรัฐบาล เขียนผิวเผินไม่มีตัวชี้วัด

Featured Image
“ร่มธรรม” ยก 3 ปัญหาสิ่งแวดล้อม โลกร่อยหรอ-โลกเลอะ-โลกรวน ซัดนโยบายรัฐบาล เขียนผิวเผินไม่มีตัวชี้วัด แนะออก กม.อากาศ-น้ำสะอาด ติงอย่าลืมประชาชนและนโยบายที่หาเสียงไว้

 

 

นายร่มธรรม ขำนุรักษ์ สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมอภิปรายให้ความเห็นต่อการแถลงนโยบายของรัฐบาล ว่า เพราะถือเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดต่อประชาชนไปอีกอย่างน้อยใน 4 ปีข้างหน้า โดยตนขอเปรียบเทียบรัฐบาลนี้เป็นเหมือนเรือที่จะพาคนไทยออกเดินทางท่ามกลางคลื่นปัญหาที่หลากหลาย ทั้งคลื่นปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง การเมืองการปกครอง สังคมและคุณภาพชีวิต ไปจนถึงปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่รุนแรงขึ้นทุกขณะ

 

 

ซึ่งประชาชนมีความคาดหวังสูงว่ารัฐบาลชุดใหม่จะนำพาคนไทยฝ่าคลื่นที่ถาโถมเหล่านี้ไปได้ แต่วันนี้ตนเริ่มไม่มั่นใจว่าเรือของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐบาลลำนี้จะพาคนไทยไปได้ถึงไหน ก็เพราะนโยบายที่ไม่ตรงปก หลายนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ไม่มีอยู่จริง หลายนโยบายที่อยู่ในคำแถลงก็เป็นเพียงผิวเผิน เป็นการเขียนแบบกว้างๆ ไม่มีตัวชี้วัดที่เป็นรูปธรรม หรือกรอบเวลาที่ชัดเจน และหลายคนมองว่าเป็นนโยบายที่ไม่มองลึกไปถึงต้นตอของปัญหา ไม่มองไปถึงคลื่นใต้น้ำ เช่น ปัญหาทุนผูกขาด ปัญหาคอร์รับชั่น และปัญหาเชิงโครงสร้าง หรืออาจพูดได้ว่ารัฐบาลไม่ได้มีความจริงใจกับการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนและมองถึงประโยชน์สูงสุดของประชาชนเป็นที่ตั้ง

 

 

นอกจากนี้สิ่งที่ทำให้ตนไม่มั่นใจในรัฐบาลนี้ เพราะมีเสียงวิพากวิจารณ์จากประชาชนในความไม่เหมาะสมของผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี บางท่านก็มองว่าผิดฝาผิดตัว เช่น เอาตำรวจมาคุมครู คุมเกษตร คุมสิ่งแวดล้อม แล้วให้ครูมาดูแลทหาร และที่สำคัญอาจมีตัวแทนกลุ่มทุนยักษ์ใหญ่ด้านเกษตร ด้านอาหาร และด้านพลังงานมานั่งบริหารในบางกระทรวง และยิ่งไปกว่านั้นประชาชนก็อาจวิพากวิจารณ์ว่านี่เป็นรัฐบาลหุ่นเชิดหรือไม่

 

 

นายร่มธรรม ระบุว่า ตนเป็นกังวลต่อทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ ซึ่งปัจจุบันประเทศและโลกของเรากำลังเผชิญคลื่นลูกใหญ่ของปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมอย่างน้อย 3 ลูก คือ ปัญหาโลกร่อยหรอ โลกเลอะ และโลกรวน คลื่นลูกแรก “โลกร่อยหรอ” หรือวิกฤติการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ เกิดจากการใช้เกินขนาดทั้งบนบกและในทะเล ส่งผลให้ทรัพยากรธรรมชาติของเราลดลงทั้งป่าไม้ น้ำ และสัตว์ป่า โดยในดัชนี Environmental Performance Index: EPI

 

 

พบว่าคุณภาพสิ่งแวดล้อมของประเทศไทยในปี 2565 ตกไปอยู่ในอันดับที่ 108 จากทั้งหมด 180 ประเทศทั่วโลก ซึ่งคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารัฐบาลจะต้องมีมาตรการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้น จัดทำทำแนวเขตป่าให้แล้วเสร็จ พร้อมกับการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินของประชาชนให้เป็นธรรม รัฐบาลจะต้องพิจารณาโครงการของรัฐที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างถี่ถ้วน เช่น การสร้างอ่างเก็บน้ำในป่าอนุรักษ์ หรือการทำกำแพงกันคลื่นริมทะเลเป็นต้น และอีกเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน คือสวัสดิการของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าผู้ที่เป็นด่านหน้าในการปกป้องอนุรักษ์แต่ได้รับค่าตอบแทนเพียงน้อยนิด

 

 

ตนคิดว่าเราสมควรควรจะปรับค่าตอบแทนเพิ่มให้เหมาะสมกับภาระหน้าที่และความเสี่ยงที่พวกเขาต้องประเชิญ และคิดว่ารัฐบาลจะต้องเร่งรัดจัดการกับปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นของเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวกับด้านสิ่งแวดล้อม, คลื่นลูกที่ 2 คือ “โลกเลอะ” หรือวิกฤติมลพิษ ทั้งมลพิษทางอากาศ มลพิษน้ำเสีย และขยะมูลฝอย โดยในแต่ละปีคนไทยเสียชีวิตหลายหมื่นคน เพราะมลพิษทางอากาศ ตนจึงคาดหวังให้รัฐบาลมีกฎหมายอากาศสะอาดและน้ำสะอาด เพื่อควบคุมการปล่อยมลพิษและน้ำเสียจากต้นต่ออย่างจริงจัง

 

 

เพราะจะต้องปกป้องสิทธิของประชาชนที่จะมีอากาศสะอาดให้หายใจและน้ำสะอาดเพื่อดื่มใช้ และมีสิทธิที่จะอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดีให้ได้ แต่นโยบายของรัฐบาล บอกเพียงจะแก้ไขปัญหาฝุ่น PM.2.5 ที่เป็นวาระแห่งชาติ และรัฐบาลจะต้องส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในสัดส่วนที่สูงกว่านี้

 

 

ควรจะตั้งเป้าหมายในการอนุญาตให้จำหน่ายเฉพาะรถยนต์ที่ปล่อยมลพิษต่ำเพียงเท่านั้น และต้องสนับสนุนการใช้รถสาธารณะให้ครอบคลุมทั่วประเทศเพื่อลดมลพิษ และที่สำคัญรถสาธารณะต้องมีราคาถูกเมื่อเทียบกับค่าแรงขั้นต่ำ โดยเฉพาะค่ารถไฟฟ้า แต่ปรากฎว่าค่ารถไฟฟ้า 20 บาท ก็ไม่ปรากฏอยู่ในคำแถลงนโยบายนี้ตามที่ได้หาเสียงไว้

 

 

คลื่นลูกที่ 3 ถือเป็นหนึ่งในคลื่นของปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ใหญ่ที่สุดที่มนุษยชาติจะต้องเผชิญ คือ “โลกรวน” หรือวิกฤตสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง ซึ่งเกิดจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งภาคพลังงาน ภาคการขนส่ง และภาคการผลิต ที่ทำให้โลกของเราร้อนยิ่งขึ้นและรวนยิ่งขึ้น และเมื่อไม่นานมานี้ UN ก็ออกมาเตือนว่าเราได้เข้าสู่ยุคภาวะโลกเดือดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

 

โดยไทยถูกประเมินว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากภาวะโลกรวนมากที่สุดในโลก แต่ซ้ำร้ายก่อนหน้านี้ก็ถูกประเมินว่าไทยอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีนโยบายลดโลกร้อนที่แย่ที่สุดในโลก ตนจึงขอเสนอให้รัฐบาลได้ผลักดันให้เรื่องสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงเป็นวาระแห่งชาติ เพราะมีกฎหมายด้านสภาพภูมิอากาศและมีแนวทางในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ที่ชัดเจน ไม่ควรเป็นแค่คำพูดสวยหรือเป้าหมายที่เลื่อนลอย และควรจะมีแนวทางที่ชัดเจนในการรับมือกับวิกฤตสภาพพูมิอากาศโดยเร็วที่สุด

 

 

รัฐบาลจะต้องส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนภายในประเทศให้ได้มากที่สุด รวมถึงรัฐบาลจะต้องส่งเสริมให้เกิดผลิตภัณฑ์และบริการที่ปล่อยคาร์บอนต่ำ เพื่อสร้างรายได้และสร้างโอกาสใหม่ใหม่ในธุรกิจสีเขียวให้พี่น้องประชาชน และต้องไม่เอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนรายใหญ่เพียงอย่างเดียว และอีกปัญหาที่ตนกังวลในรัฐบาลนี้ คือ โรคหลงลืมประชาชน หลงลืมนโยบายที่ได้หาเสียงไว้กับประชาชน พี่น้องประชาชนฝากรัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องปัญหาโรคหลงลืมประชาชนไว้ด้วย

 

 

นายร่มธรรม ยังกล่าวทิ้งท้ายอีกว่า ตนหวังและภาวนาให้นายกรัฐมนตรีและคณะ พาคนไทยและประเทศฝ่าทุกคลื่นปัญหาและพาไปถึงฝั่งตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ เพราะตนคงไม่มีความสุขหากเห็นรัฐบาลนี้ล้มเหลวและทำให้ประชาชนเดือดร้อน โดยตนและพรรคประชาธิปัตย์จะขอทำหน้าที่ตรวจสอบและเสนอแนะอย่างสร้างสรรค์ และขอให้ฟังเสียงของของพวกเรา

 

 

ซึ่งเป็นตัวแทนเป็นปากเป็นเสียงของพี่น้องประชาชน ในการพาประเทศชาติของเราฝ่าคลื่นปัญหาโดยเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง เพิ่มโอกาสให้กับประชาชนในการสร้างรายได้ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างทั่วถึง และที่สำคัญเราจะต้องไม่ทิ้งประชาชนคนใดไว้ให้จมอยู่กลางทะเล

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube