fbpx
Home
|
ภูมิภาค

หมอยันบริโภคเนื้อสัตว์ดิบเสี่ยงอัมพฤกษ์อัมพาต

Featured Image
หมอแนะ สายซอยจุ๊ บริโภคเมนูเนื้อสัตว์ดิบ แม้ไร้โรคแอนแทรกซ์แต่ก็เสี่ยงพยาธิชอนไชจนกลายเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตได้ ยืนยันต้องกินสุกเท่านั้น

 

 

จ.ขอนแก่น พญ.จิรา ศักดิ์ศศิธร รองผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 เปิดเผยว่า แม้ขณะนี้จะมีโรคระบาดในเนื้อวัวหรือโรคแอนแทรกซ์ ซึ่งประเทศไทยได้รับการยืนยันว่าปลอดเชื้อแอนแทรกซ์ และปัจจุบันไม่มีการแพร่ระบาดของเชื้อหรือมีผู้ติดเชื้อแอนแทรกซ์แต่อย่างใด สำหรับการป้องกัน การติดเชื้อแอนแทรกซ์ที่ดีที่สุด คือไม่ทานเนื้อสัตว์ดิบทุกชนิด เนื่องจากไม่ใช่เฉพาะเชื้อแอนแทรกซ์ที่มากับเนื้อวัว แต่ยังมีโรคหูดับที่มากับหมู พยาธิชนิดต่างๆ ที่จะมากับเนื้อสัตว์ดิบเรานี้และเข้ามาฝังไข่ชอนไชตามร่างกาย เมื่อพยาธิขึ้นสมองก็จะชอนไชเนื้อหายไปจนกลายเป็น อัมพฤกษ์อัมพาต ซึ่งก็มีปรากฏให้เห็นในข่าว และโรคอื่นๆจากสัตว์ ทั้ง เนื้อวัว หมู ไก่ และสัตว์ทุกชนิดที่สามารถกินได้ ซึ่งในเรื่องนี้ก็อยากให้ทุกๆคนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการชอบรับประทานเมนูอาหารดิบ หรือเมนูครึ่งสุกครึ่งดิบ ให้รับประทานอาหารที่สุกร้อยเปอร์เซ็นต์ เพื่อไม่ให้ร่างกายติดเชื้อแบคทีเรียต่างๆที่อยู่ในเนื้อสัตว์ดิบ

 

 

“และจากข้อมูลพบว่า เคยมีคนไทยเคยติดเชื้อแอนแทรกซ์ครั้งแรกในรอบ 17 ปี เมื่อช่วงเดือน พ.ย.60 และหลังจากนั้นผ่านมา 7 ปี ถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีการแพร่ระบาดของเชื้อแอนแทรกซ์ในประเทศไทยอีกเลย โดยในครั้งนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งจากกรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และจากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้มีการลงพื้นที่ตรวจสอบทราบว่า เชื้อเกิดขึ้นหลังจากที่ชาวบ้านในพื้นที่ ต.มหาวัน อ.แม่สอด จ.ตาก ลักลอบชำแหละแพะที่นำข้ามฝั่งมาจากประเทศเพื่อนบ้าน ก่อนเริ่มมีอาการป่วยและตรวจสอบพบติดเชื้อแอนแทรกซ์จริง 2 ราย โดยเป็นการนำสัตว์จากประเทศเพื่อนบ้านมาชำแหละ และแบ่งกันรับประทาน โดยเชื้อแอนแทรกซ์ส่วนใหญ่มักพบในแพะ แกะ วัว และควาย ซึ่งหากพบสัตว์เหล่านี้ตายผิดธรรมชาติให้รีบแจ้งปศุสัตว์ ส่วนวิธีทำลายที่ดีที่สุด คือการเผา ไม่ควรฝังลงพื้นดิน เพราะเชื้อสามารถอยู่ได้เป็นสิบๆ ปี และไม่ควรนำเนื้อสัตว์เหล่านี้มารับประทานเด็ดขาด แม้จะทำให้สุกก็ตาม”

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

LINE Official Account : @innnews

 

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube