fbpx
Home
|
อาชญากรรม

“บิ๊กโจ๊ก” รอเมียนมา กำหนดเส้นทางอพยพเหยื่อค้ามนุษย์

Featured Image

 

 

 

บิ๊กโจ๊ก พร้อมอพยพคนไทยกลับทันทีที่รัฐบาลเมียนมากำหนดเส้นทางเคลื่อนย้าย ชี้ คัดแยกกลุ่มเหยื่อและกลุ่มสมัครใจเพื่อดำเนินคดีฐานมีส่วนร่วมในอาชญากรรมข้ามชาติ

 

 

 

 

วันนี้ (8 พ.ย. 66) ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศพดส.ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้าในการช่วยเหลือคนไทยที่ถูกนายทุนชาวจีนหลอกไปทำงานในขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เมืองเล้าก์ก่าย ประเทศเมียนมา ที่เป็นหนึ่งในฐานของขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนที่ใช้คนไทยทำงานที่เป็นคอลเซ็นเตอร์ หลอกลวงเหยื่อในประเทศไทย และขณะนี้เกิดการสู้รบ

 

 

 

 

 

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า หลังจากที่ได้เดินทางไปหารือกับรัฐบาลเมียนมาเพื่อเร่งขอความช่วยเหลือคนไทยออกจากพื้นที่ที่มีการสู้รบดังกล่าว โดยล่าสุด สามารถช่วยเหลือคนไทยออกมาได้แล้วจำนวน 162 คน เหลืออีก 74 คน ยังไม่สามารถเคลื่อนย้ายออกจากตัวอาคารได้ เนื่องจากถูกนายจ้างชาวจีนทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส เจ้าหน้าที่จึงไม่กล้าเคลื่อนย้ายออกมา เกรงจะได้รับผลกระทบจะเกิดการสูญเสียระหว่างการเคลื่อนย้ายหากถูกโจมตี

 

 

 

 

 

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า สำหรับเส้นทางการลำเลียงคนไทยออกจากพื้นที่นั้น ขณะนี้รอการประสานงานจากทางเมียนมาซึ่งอยู่ระหว่างกำหนดเส้นทางเคลื่อนย้ายเพื่อความปลอดภัย โดยหากมีความจำเป็นอาจต้องอพยพคนไทยไปผ่านเส้นทางในประเทศจีนก่อนก็ต้องทำ เพราะทุกชีวิตของคนไทยมีค่า จึงจำเป็นต้องพากลับประเทศไทยก่อน เพราะตอนนี้สถานการณ์สู้รบในเมียนมารุนแรงไม่ต่างจากอิสราเอล คาดว่าภายในปลายสัปดาห์นี้ หากได้รับการติดต่อจากเมียนมาว่าสามารถเคลื่อนย้ายคนไทยออกจากพื้นที่ได้หมดทุกคนแล้ว ตนก็จะเดินทางไปรับคนไทยกว่า 200 คนออกจากพื้นที่ยังจุดที่กำหนดไว้

 

 

 

 

 

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า ในจำนวนคนไทยทั้งหมดนั้น มีทั้งผู้ที่สมัครใจไปทำงาน โดยที่รู้อยู่แล้วว่าเป็นงานในขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และมีบางส่วนที่ตกเป็นเหยื่อถูกหลอกจริง ซึ่งขณะนี้มีรายชื่อทั้งหมดแล้ว ดังนั้นเมื่อเดินทางกลับถึงประเทศไทยแล้วจะประสานกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงแรงงานเพื่อดำเนินการสอบปากคำและร่วมกันคัดแยก

 

 

 

 

 

โดยแบ่งเป็นสองกลุ่มคือ กลุ่มที่สมัครใจไปทำงานที่พบว่ามีอยู่กว่า 70% เพราะมีรายชื่อว่าเคยถูกช่วยเหลือออกมาจากกัมพูชามาแล้วก่อนหน้านี้ และกลุ่มที่สองคือกลุ่มที่ถูกหลอกจริงๆ ซึ่งเป็นรายชื่อใหม่มีเพียง 30% เท่านั้น โดยผู้ที่สมัครใจไปจะถูกแจ้งข้อกล่าวหาตามความผิดพระราชบัญญัติองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ฐานมีส่วนในองค์อาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งมีอัตราโทษสูงสุด และความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน เพื่อไม่ให้บุคคลเหล่านี้กลับไปก่อคดีอีก และต้องมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการหลอกลวงคนไทยด้วย ส่วนกลุ่มคนที่ตกเป็นเหยื่อนั้น จะได้รับการเยียวยาตามกฎหมาย

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

 

 

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube