fbpx
Home
|
อาชญากรรม

ผบช.สตม. แถลงรวบแก๊งคอลเซ็นเตอร์เสียหายกว่า 8500ล.

Featured Image
พล.ต.ท. ภาคภูมิภิภัทฒ์ ผบช.สตม. แถลงผลรวบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 2 คดี รวมความเสียหายกว่า 8500 ล้าน ยัน ไม่ห่วงหากทักษินกลับไทยเพราะ สตม. ปฏิบัติตามกฎระเบียบอยู่แล้ว

 

 

 

วันนี้ (19 พ.ค.66) พล.ต.ท. ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง แถลงผลการจับกุมผู้กระทำความผิด รวม 2 คดีที่เกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดย พล.ต.ท. ภาคภูมิภิภัทฒ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจาก สตม.ได้รับการประสานงานจากเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยและเจ้าหน้าที่ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมเมืองเซี่ยงไฮ กรณีผู้ต้องหาตามหมายจับของสาธารณรัฐประชาชนจีนรายสำคัญ 3 ราย ซึ่งก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยีลักษณะฉ้อโกงประชาชน เป็นขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ชักชวนหลอกลงทุนบนแพลตฟอร์มแอพพลิเคชั่นปลอม มูลค่าความเสียหายกว่า 500 ล้านบาท โดยตั้งฐานอยู่ที่เมืองสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา แล้วหลบหนีเข้ามายังประเทศไทย

 

 

โดยทางกองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (บก.สส.สตม.) ได้ทำการสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายทั้ง 3 คน ได้แก่ Mr.ZHOU หรือ นายโจว (นามสมมติ) หนึ่งในหัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อายุ 35 ปี สัญชาติจีน ที่คอนโดหรูย่านพระราม9 เมื่อวันที่ 27 เมษายนที่ผ่านมา จากการตรวจค้นพบโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์และบัตรเครดิต จำนวนหลายรายการ จากนั้น สตม.ได้ทำการประสานข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจของสาธารณรัฐประชาชนจีน ขยายผล พบยังคนจีนอีก 2 คน

 

 

ซึ่งเป็นระดับผู้บริหารของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้แก่ Mr.LI หรือนายหลี่ (นามสมมติ) อายุ 27 ปี สัญชาติจีน สามารถจับกุมได้ที่คอนโดแห่งหนึ่งย่านทองหล่อ เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม และ Mr.HUANG หรือนายหวง (นามสมมติ) อายุ 37 ปี สัญชาติจีน จับกุมได้ที่คอนโดหรูแห่งหนึ่งย่านวัฒนา กรุงเทพมหานคร จากการตรวจค้นพบโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ ซึ่งทั้ง 3 รายเป็นบุคคลเดียวกับบุคคลตามหมายจับของจีนและถูกเพิกถอนการอนุญาตอยู่ในราชอาณาจักรไทยเป็นการชั่วคราว โดยเจ้าหน้าที่ได้นำตัวทั้ง 3 รายส่งกองกำกับการ 3 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

 

 

โดยพฤติการณ์ของแก๊งดังกล่าว มีการจัดตั้งขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์อยู่ที่เมืองสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา ลักษณะเป็นการโฆษณาชักชวนให้ลงทุนบนแพลตฟอร์มชื่อว่า GOLD TIANLI ,EXCELLENT TRADING HALL ,SINA FINANCE ,JINYU INTERNATIONAL ซึ่งเป็นการลงทุนเกี่ยวกับคริปโต เคอเรนซี่ โดยจะมีการชักชวนประชาชนจากเว็บไซต์และแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ เมื่อมีคนหลงเชื่อจะทำการพูดคุยผ่านแอพพลิเคชั่นและชักชวนหลอกลงทุน อีกทั้งจัดหาพนักงานคอลเซ็นเตอร์ โดยการหลอกลวงและบังคับคนเข้าทำงานกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าว รวมมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 500 ล้านบาท

 

 

 

ส่วนอีกคดีคือ สตม.ได้รับการประสานงานจากเอกอัครราชทูตจีนประตำประเทศไทยและสำนักงานรักษาความปลอดภัยสาธารณะ สาธารณรัฐประชาชนจีน กรณีผู้ต้องหาตามหมายจับของสาธารณรัฐประชาชนจีนรายสำคัญคือ Ms.YANG หรือ นางหยาง อายุ 35 ปี สัญชาติจีน ซึ่งก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยีลักษณะฉ้อโกงประชาชน เป็นขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พฤติการณ์คือโทรหลอกประชาชนอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ หรือพนักงานอัยการ หรือตำรวจ พูดข่มขู่ผู้เสียหายว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีอาญาและฟอกเงิน โดยให้ผู้เสียหายให้โอนเงิน พบมีการกระทำผิดเชื่อมโยงกว่า 8,500 คดี รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 8,000 ล้านบาท โดยตั้งรากฐานอยู่ที่เขตปกครองพิเศษว้า ประเทศเมียนมาร์ แล้วหลบหนีเข้ามายังประเทศไทยผ่านช่องทางธรรมชาติ

 

 

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (บก.สส.สตม.) ได้ทำการสืบสวนติดตามจับกุม จนสามารถจับกุมนางหยางได้ที่บ้านแห่งหนึ่งที่จังหวัดเชียงใหม่ และจากการตรวจค้นบ้านพบโทรศัพท์มือถือจำนวนหลายรายการ และจากการตรวจสอบข้อมูลการเดินทางพบว่านางหยาง ไม่ได้เข้ามาในประเทศไทยผ่านทางช่องที่กฎหมายกำหนด จึงได้ทำการจับกุมในข้อหาเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทย โดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนจะนำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

 

 

ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ประกาศจะกลับมาประเทศไทยนั้น พล.ต.ท. ภาคภูมิภิภัทฒ์ เผยว่า สตม.ต้องใช้หลักกฎหมายพื้นฐานในการปฏิบัติอยู่แล้ว ยืนยันว่าไม่น่าเป็นห่วงอะไรทั้งสิ้น เพราะคนที่จะเข้ามาในประเทศต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบ รวมถึง สตม.เองก็ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบอยู่แล้ว

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube