fbpx
Home
|
อาชญากรรม

มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ร้องปลด “ชัยวฒน์” ปมอุ้มฆ่าบิลลี่

Featured Image
มูลนิธิผสานวัฒนธรรม บุกยื่นหนังสือถึงปลัดกระทรวงทรัพยากรฯ ขอให้มีคำสั่งให้ชัยวัฒน์ ออกจากราชการ เซ่นปม อุ้มฆ่าบิลลี่ ลั่น ย้อนแย้งทำไมคนคดีเยอะ กลับได้เลื่อนตำแหน่ง

 

 

 

วันนี้ (21 เม.ย.66) เวลา 13.30 น. ที่ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายเกรียงไกร ชีช่วง ผู้ประสานงานเครือข่ายกะเหรี่ยงเพื่อวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมภาคตะวันตก พร้อมภาคีเครือข่าย มายื่นหนังสือถึงปลัดกระทรวงทรัพยากรในฐานะผู้บังคับบัญชาของนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร กับพวกจำเลยทั้ง 4 คนเพื่อเรียกร้องให้ปลัดกระทรวงทรัพยากรปฏิบัติตามหน้าที่และใช้อำนาจตามกฎหมายโดยไม่ละเว้น โดยขอให้ปลัดฯ มีคำสั่งหรือดำเนินการให้มีคำสั่งให้จำเลยทั้ง 4 ออกจากราชการโดยด่วน

 

 

เนื่องจากนายชัยวัฒ น์และพวกตกเป็นจำเลยในคดีอาญาร้ายแรง หลังพนักงานอัยการยื่นฟ้องต่อศาลคดีอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลางในคดีหมายเลขดำที่ อท.166/2565 ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและข้อหาอื่นๆ โดยมีนางสาวเพียงจันทร์ คล้ายสินธุ์ ผอ.ส่วน ประสานงานเรื่องร้องเรียน กองตรวจราชการสำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรเป็นผู้รับหนังสือแทน

 

 

นายเกรียงไกร กล่าวว่า สิ่งแรกที่เราอยากจะถามคือ หน่วยงานต้นสังกัด มีการพิจารณาที่ไม่เป็นธรรม หรือเลือกปฏิบัติแบบสองมาตรฐานกับบุคลากรในองค์กรของตัวเองหรือไม่ โดยได้ยกหลายคดีที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับข้าราชการในพื้นที่ เช่น การทุจริตปลูกป่า 4,200 ไร่, การฮั้วประมูล สนง. ที่ห้วยคมกริช, การทุจริตรับเหมาที่วนอุทยานชะอำ, การตัดไม้บริเวณ กจ.10 ซึ่งไม่เป็นไปตาม พ.ร.บ.อุทยานฯ ในเขตพื้นที่แม่สะเรียง เป็นต้น ซึ่งในส่วนของคดีทุจริต คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ได้รับเรื่องไปแล้ว แต่ตนก็อยากตั้งคำถามว่า ตอนนี้คดีไปถึงไหนแล้ว

 

อีกทั้งบุคลากรหรือเจ้าหน้าที่รัฐที่มีส่วนกับคดีข้างต้น ก็ยังมีผลจากคดีเผาไล่รื้อบ้านชาวกะเหรี่ยงบางกลอย และคดีการอุ้มหาย บิลลี่ พอละจี พ่วงอยู่ แต่เหตุใดต้นสังกัดถึงไม่มีการออกคำสั่งใดๆ เลย รวมทั้งภาคีเครือข่ายประชาชนยังเกิดข้อสงสัยอีกว่า ทำไมเจ้าหน้าที่เหล่านี้ยังได้รับตำแหน่ง ในระดับที่สูงขึ้นไปอีก จึงทำให้เกิดคำถามว่าจริงจังที่จะอนุรักษ์หรือไม่ หรือเป็นเพียงแค่เรื่องจอมปลอม

 

 

ส่วนการที่ถามว่า 2 มาตรฐานหรือไม่ เพราะก็เคยมีเจ้าหน้าที่ที่มีคดีแบบนี้ ก็ถูกให้ออกจากราชการ และถูกปฏิบัติที่แตกต่างกับเจ้าหน้าที่ราชการคนดังกล่าว จึงได้มายื่นหนังสือถึงต้นสังกัดในวันนี้ เพื่อขอให้พิจารณาเบื้องต้นในการให้ นายชัยวัฒน์ พร้อมพวกอีก 4 คน ออกจากราชการไว้ก่อน ขณะที่เข้าสู่กระบวนการพิสูจน์ตัวเองได้หรือไม่

 

นายเกรียงไกร กล่าวอีกว่า หากนายชัยวัฒน์อยู่ในตำแหน่งต่อไปจะไม่มีผลดีหรือว่าไม่เกิดประโยชน์ใดๆ เลย ซึ่งตนเห็นว่าสิ่งที่ดีที่สุดนายชัยวัฒน์ควรออกก่อนเพื่อพิสูจน์ตัวเอง ส่วนการแก้ปัญหาอย่างอื่นตนคิดว่าบุคลากรของอุทยานไม่ได้มีคนเดียว คนอื่นก็น่าจะคลี่คลายปัญหาอื่นๆ ได้ ส่วนเรื่องของคดีที่ยังค้างอยู่ทางเครือข่ายคิดว่าสมเหตุสมผลที่จะเสนอว่าขอให้พิจารณาให้ออกก่อน

 

เมื่อถามว่าหากนายชัยวัฒน์ยังรับราชการอยู่กังวลว่าจะมีการถูกคุกคามขณะที่คดีดำเนินการอยู่หรือไม่นั้น นายเกรียงไกรกล่าวว่า การคุกคามมีหลายรูปแบบ มีทั้งในรูปแบบความรุนแรง รูปแบบเชิงจิตวิทยาและองค์ประกอบอื่นๆ เช่นการแก้ไขปัญหา การสนับสนุนให้ชาวบ้านสามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดี การตัดตอนองค์กรหรือนโยบายบางอย่างที่จะไปแก้เพื่อความยั่งยืนก็มีผล เช่นการพัฒนาคมนาคมในพื้นที่เสี่ยงเข้าเส้นบางกลอยก็อยู่ในพื้นที่อุทยาน หากอุทยานไม่มีการพิจารณาและไม่มีการส่งต่อไปให้ทำเส้นทางที่เหมาะสมในบางจุดพี่น้องก็จะอยู่กับความเสี่ยงนั้น

 

ซึ่งนายเกรียงไกรยืนยันว่าตำแหน่งของนายชัยวัฒน์มีผลกับคดีและมีผลกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตและการแก้ปัญหาเรื่องคนอยู่กับป่าทั่วประเทศแน่นอน จึงต้องการให้กระทรวงทรัพยากรฯ หาบุคลากรที่เหมาะสมมาทำตำแหน่งนี้จะดีกว่า

 

“ผมมองว่าเป็นผลประโยชน์ต่างตอบแทน เนื่องจากนายชัยวัฒน์มีคดีเยอะแต่กลับได้เลื่อนตำแหน่งในตำแหน่งที่สูงขึ้น ซึ่งคิดว่ามันย้อนแย้งกับความเป็นจริง”

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube