fbpx
Home
|
ข่าว

“รังสิมันต์”ก้าวไกลพร้อมรับมือทุกรูปแบบสู้คดียุบพรรค

Featured Image

 

 

 

“รังสิมันต์” ยันก้าวไกล พร้อมรับมือทุกรูปแบบ สู้คดียุบพรรค ย้ำก่อนหาเสียงเสนอนโนบายต่อ กกต.แล้ว หากกฏหมายสั่งห้ามแก้ 112 ตั้งแต่แรกกคงไม่ทำ

 

 

 

นายรังสิมันต์ โรม  สส. บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวถึงผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุด หากมีการยุบพรรคก้าวไกลว่า สส.ทั้ง 148 คน จะยังคงจับมือไปด้วยกันหรือไม่ ว่า ตอนนี้ยังอยู่ในกระบวนการเตรียมรับมือทุกรูปแบบ อยากโฟกัสต่อสู้เรื่องการยุบพรรคก่อน และพยายามชี้ให้เห็นถึงองค์กรที่มีอำนาจได้เข้าใจว่าการยุบพรรคไม่ได้ช่วยอะไร การยุบพรรคไม่ได้ทำให้การเมืองดีขึ้น แต่การยุบพรรคทำให้การเมืองไทยอยู่กับที่ หล้าหลัง เรามีบทเรียนมาแล้วหลายครั้ง อยากชวนให้ทุกคนคิดไม่ใช่แค่การยุบพรรค แต่ต้องให้ความเป็นธรรมกับเราด้วย อย่างกรณีของพรรคก้าวไกลที่มีมติส่งศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรค กกต.ควรต้องถามเราก่อน ให้สิทธิ์ในการโต้แย้ง ชี้แจง อยู่ๆ มารวบรัดตัดความไม่ขึ้น ถ้าไม่ให้กระบวนการแบบนี้กับเรา สุดท้ายสังคมไทยจะอยู่อย่างไร ท้ายที่สุดแล้ว ทำไมกรณีของพรรคก้าวไกลกับพรรคภูมิใจไทยจึงต่างกัน คนจึงมองว่าทำไมก้าวไกลถูกปองร้าย แต่เรื่องนี้ไม่ใช่เฉพาะพรรคก้าวไกล แต่รวมถึงฝ่ายค้านทั้งหมด เพราะโลกจะมองว่านี่คือ กระบวนการทำลายฝ่ายค้านหรือไม่

 

จึงอยากให้มองถึงผลดีผลเสียถึงความพยายามยุบพรรคก้าวไกล และขอยืนยันว่าสิ่งที่เราได้ทำในการเสนอกฎหมายและนโยบายหาเสียงเลือกตั้ง ได้ยื่น กกต.และได้รับการรับรองเป็นนโยบายของพรรค ถ้าในกฎหมายบอกว่าห้ามแก้มาตรา 112 เราก็คงไม่ทำ แต่กฎหมายไม่ได้มีเขียนแบบนี้ เราจึงพยายามใช้กลไกของสภา  พรรคการเมืองไหนไม่เห็นด้วยก็ไปโหวตในสภา แต่พอใช้มาตรา 49 เรื่องของการล้มล้างการปกครอง ก็ยิ่งสร้างความไม่แน่นอนของระบบการเลือกตั้ง

 

สำหรับกรณีคณะกรรมมาธิการศึกษาแนวทางการจัดทำกฎหมายนิรโทษกรรม จะมีเรื่องกรณีของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หรือไม่ นายรังสิมันต์ ระบุว่า ตอนนี้ ยังไม่ได้พูดถึงกรณีนี้ แต่กำลังหารือว่าจะดำเนินการอย่างไร เพื่อวางกรอบการนิรโทษกรรม ซึ่งก็มีหลายแนวคิด เช่น การแยกกลุ่ม แยกประเภทหรือรวมกันเป็นแพ็กเกจเดียวกัน แต่สิ่งสำคัญเราต้องถามตัวเราว่าตกลงแล้ว มีกรรมาธิการฯชุดนี้ไป ทำไมถ้าในที่สุดไม่สามารถแก้นิรโทษกรรม และมีคนบางกลุ่มถูกดำเนินคดีด้วยข้อหาทางการเมือง ส่วนจะรวมไปถึงกรณียุบพรรคก้าวไกลหรือไม่นั้น นายรังสิมันต์ กล่าวว่า คงเป็นคนละกรณี เพราะไม่สามารถไปรวมถึงเรื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อวานนี้ที่ประธาน กกต. มาระบุว่า หลักฐานสำคัญในการยื่นยุบพรรคก้าวไกล คือ คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ นายรังสิมันต์ ระบุว่า คำวินิจฉัยกรณีการล้มล้างการปกครอง ส่วนหนึ่งเป็นการใช้ตามมาตรา 49 แต่ไม่ได้วินิจฉัยให้ยุบหรืออะไร ซึ่งขั้นตอนที่ทำนั้นแยกส่วนกัน และ กกต.ก็ต้องรับฟังเหมือนกันว่าสุดท้ายแล้วเหตุที่วินิจฉัยออกมาจะนำไปสู่เหตุการณ์ยุบพรรคหรือไม่ ซึ่งเป็นคนละกรณีกัน

 

เพราะถ้าเป็นกรณีเดียวกันกับการล้มล้างการปกครองแล้วต้องยุบพรรค ทำไมไม่ใส่ในมาตราเดียวกัน ทำไมไม่ใช้อำนาจหน้าที่เดียวกัน ทำไมต้องแบ่งกัน กกต.ต้องฟังแต่แรก ตนเข้าใจว่ากกต.ใช้อำนาจตามมาตรา 92 แต่เหตุใดไม่การพิจารณาตามมาตรา 93  เพราะเปิดช่องจะสร้างความเป็นธรรมได้  แต่กลับไม่ทำ ใช้อำนาจกรณีของพรรคก้าวไกลไปใช้อำนาจตามมาตรา 92 ส่งผลให้กรณีของพรรคก้าวไกลเร็วกว่ากรณีร้องยุบพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าผิดหวังและน่ากังขามาก

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube