fbpx
Home
|
ข่าว

“จุรินทร์” ซัดรบ.งบ67 เป็นเป็ดง่อย-งบกรมราชทัณฑ์2มาตรฐาน

Featured Image
“จุรินทร์” คืนฟอร์มซัดงบ 67 เป็นเป็ดง่อย ฉะรัฐบาลตั้งงบกรมราชทัณฑ์ ดูแลผู้ต้องขัง 2 มาตรฐาน มีบางคนติดคุกทิพย์ เป็นนักโทษเทวดา อวยรัฐบาลอยู่ครบ 4 ปี

 

 

 

 

 

 

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส. บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายต่อเนื่องเป็นคนที่ 2 ในฐานะฝ่ายค้านว่า แม้ไม่ใช่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่งบประมาณปี 67 เป็นกฎหมายที่มีความสำคัญถ้ารัฐบาลเสนอแล้วไม่ผ่านความเห็นชอบของสภา รัฐบาลก็ต้องรับผิดชอบด้วยการลาออกหรือไม่ก็ยุบสภา แต่เชื่อว่าเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องระดม สส.พรรคร่วมรัฐบาลมาลงคะแนนให้ครบจนได้และเชื่อว่ากฎหมายฉบับนี้ จะผ่านความเห็นชอบวาระแรก เพราะรัฐบาลชุดนี้มีเสียงข้างมากโดยเบ็ดเสร็จเด็ดขาดถึง 314 เสียง ถ้าหากไม่ผ่าน นายกฯ ก็คงต้องเลิกใส่ถุงเท้าได้แล้ว

 

 

 

ทั้งนี้ ที่นายกฯ แถลงเมื่อเช้าทุกอย่างดีหมด แต่ตนขออภิปรายเพื่อทำหน้าที่ฝ่ายค้านในการตรวจสอบ ถ่วงดุล และแสดงความคิดเห็น แต่เนื่องจากเวลาจำกัดก็ขออภิปรายในภาพรวม โดยงบประมาณนี้เป็นงบประมาณฉบับแรกของรัฐบาลชุดนี้ เกิดจากการนำงบ ปี 67 ที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มารื้อทำใหม่ทั้งหมด ซึ่งส่งผลให้ปฏิทินงบช้าไปกว่า 9 เดือน มัวแต่ตั้งรัฐบาลแบบเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดส่งผลให้งบประมาณล่าช้าเหมือนงบประมาณ “เป็ดง่อย” มีเวลาใช้เงินแค่ 5 เดือนจาก 12 เดือนหรือใช้เงินแค่ 40% ประสิทธิภาพในการใช้เงินลดลง โดยเฉพาะงบลงทุน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ

 

 

ขณะเดียวกัน นายจุรินทร์ ฟันธงว่านายกรัฐมนตรี ไม่สามารถใช้หนี้เงินกู้ 500,000 ล้านบาทในโครงการเงินดิจิตอลได้ ภายใน 4 ปี แต่เป็นเพียงวาทกรรมทางการเมืองเท่านั้น พร้อมขอให้นายกรัฐมนตรีอยู่ครบวาระใช้หนี้ 4 ปี ให้หมด จะได้ไม่มีคำครหาว่ามีนายกฯ 2 คน

 

 

ส่วนงบประมาณของกระทรวงยุติธรรมและกรมราชทัณฑ์ ซึ่งมีงบประมาณก้อนหนึ่ง 38,970 ล้านบาท ใช้สำหรับดำเนินโครงการดูแลผู้ต้องขังในระยะเวลา6ปี ซึ่งในปี 2567 ของงบประมาณ 6,620 ล้านบาทเพื่อ ยกระดับการควบคุมดูแลผู้ต้องขังให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลหลักสิทธิมนุษยชนโปร่งใสและไม่เลือกปฏิบัติ ครอบคลุมผู้ต้องขัง 280,000 คน ขอยืนยันว่า ตนเองสนับสนุนงบประมาณก้อนนี้ เพื่อให้รัฐบาลดำเนินการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ แต่ก็มีคำถามว่ารัฐบาลในฐานะผู้ใช้งบประมาณ

 

 

 

แต่ก็มีคำถามว่ารัฐบาลในฐานะผู้ใช้งบประมาณ บริหารโครงการตามวัตถุประสงค์โปร่งใสไม่เลือกปฏิบัติกับผู้ต้องขังทั้งหมดหรือไม่ เพราะสังคมยังเคลือบแคลงใจว่ารัฐบาลปล่อยให้นักโทษบางคนเข้าคุกทิพย์มาแล้ว 120 วันแต่ยังไม่เคยติดคุกจริงแม้แต่ วันเดียว

 

 

ทำให้นายครูมานิต สังข์พุ่ม สส. สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วงนายจุรินทร์ บอกว่า ไม่คิด ว่านายจุรินทร์จะอภิปราย งบประมาณด้วยซ้ำ เพราะตอนเป็นรัฐมนตรีก็ล้มเหลวมาตลอดระบุว่านายจุรินทร์ อภิปรายนอกประเด็น นำเรื่องข้างนอกเข้ามาในสภา และต้องการหมายถึงนายทักษิณ ชินวัตร ที่เพิ่งกลับเข้ามาประเทศไทย พร้อมทั้งย้ำว่านายทักษิณได้รับใบอนุญาตและใบรับรองจากอธิบดีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว ซึ่งนายวันมูฮัมหมัดนอร์ มะทา ประธานในประชุม ย้ำว่าการอภิปรายของนายจุรินทร์ ยังอยู่ในประเด็นงบประมาณ แต่ขอความร่วมมือ อย่าพาดพิงไปถึงบุคคลภายนอก

 

 

จากนั้น นายชัยชนะ เดชเดโช สส.ประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นปกป้อง นายจุรินทร์ว่า นายครูมานิตย์ กล่าวหาว่านายจุรินทร์ บริหารราชการล้มเหลว ไม่เป็นความจริง และต่อจากนั้น นายจุรินทร์ได้อภิปรายต่อยืนยันว่า ไม่ประสงค์จะเอ่ยชื่อบุคคลใด ขอให้ประธานสบายใจตนเองเคารพกติกาเสมอ แต่ตนเองอยากทราบว่า ทำไมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมในฐานะผู้ร่วมรับผิดชอบ

 

 

บริหารโครงการไม่ทำให้ข้อสงสัยของประชาชนเกิดความกระจ่าง โดยเฉพาะ นายกรัฐมนตรี ที่สั่งการได้ทุกเรื่อง แต่วันนี้กลายเป็นหลงจู้ประเทศ แต่เรื่องที่คาใจคนทั้งประเทศ กลับไม่มีการสั่งการ ให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนนำความจริง ให้ปรากฏกับคนทั้งประเทศ ขณะเดียวกันการใช้งบประมาณของกรมราชทัณฑ์ไปออกระเบียบ ว่าด้วยการดำเนินการ สำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง

 

 

อ้างว่าทำตามคำแนะนำของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ มองว่าการใช้งบจะสอบในทางมิชอบหรือไม่ในอนาคตจะมีคำตอบ แต่ข้อเท็จจริงคือ คณะกรรมการสิทธิฯ ทำหนังสือถึงกรมราชทัณฑ์จริงแต่ขอให้ราชทัณฑ์ปฏิบัติตามหลักสากลของสหประชาชาติตามวัตถุประสงค์ของโครงการดังกล่าว โดยให้ราชทัณฑ์แยกผู้ต้องขังที่อยู่ระหว่างการสู้คดี ซึ่งถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ประมาณ 50,000 คน กับนักโทษเด็ดขาดที่คดีถึงที่สุดแล้วประมาณ 230,000 คนออกจากกัน และในบรรดานักสู้เด็ดขาดต้องควบคุมภายใต้มาตรฐานเดียวกันด้วย

 

 

แต่เมื่อออกระเบียบดังกล่าว กลายเป็นระเบียบศรีธนญชัย แยกผู้ต้องขังเด็ดขาดออกเป็นสองมาตรฐาน หนึ่งติดคุกในเรือนจำ ส่วนที่สองติดคุกที่บ้านได้ ทั้งที่ไม่ใช่อำนาจศาลระเบียบนี้อาจก่อให้เกิดการเลือกปฏิบัติ และทำให้คำพิพากษาศาลไร้ความหมาย ทั้งที่ศาลพิพากษาจำคุกไปแล้ว กลับกันบางคนไปเสวยสุขที่บ้านกลายเป็นนักโทษเทวดา

 

 

ดังนั้น นายกรัฐมนตรีและกระทรวงยุติธรรมมีหน้าที่ดำเนินโครงการให้เป็นไปตามตามมาตรฐานสากลอย่างเคร่งครัด ซื้อหลักโปร่งใสไม่เลือกปฏิบัติไม่ปล่อยให้เรื่องนี้เยาะเย้ยย่ำยีหลักนิติธรรมต่อไปเพราะจะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว จะทำให้ฝัน4 ปีของนายกฯ กลายเป็นฝันทิพย์ และจะยิ่งเป็นการตอกย้ำ ฉายา เซลล์แมนสแตนชิน กลายเป็นผลงานชิ้นโบว์ดำติดตัวนายกรัฐมนตรีตลอดไป

 

 

อย่างไรก็ตาม ขอให้นายกรัฐมนตรีกำชับตัวเองและรัฐมนตรีอีก 33 คนให้ใช้งบประมาณแผ่นดินอย่างคุ้มค่าเพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศด้วยความโปร่งใส สุจริต พร้อมย้ำว่าฝ่ายค้านไม่ประสงค์เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจโดยไม่จำเป็น

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube