fbpx
Home
|
ข่าว

“ผบ.ทอ.” ยันทอ.ไม่มีข้อจำกัดในการไปรับคนไทยในอิสราเอล

Featured Image
พล.อ.อ.พันธุ์ภักดี ผบ.ทอ. ยืนยันทอ.ไม่มีข้อจำกัดในการไปรับคนไทยในอิสราเอล แต่อาจจะติดขัดเรื่องน่านฟ้าบางประเทศที่ไม่อนุญาตให้บินผ่าน และต้องใช้เส้นทางบินอ้อม จึงเพิ่มระยะเวลา ย้ำ ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงาน-ทรัพยากร และปชช.อย่างสูงสุด

 

 

พล.อ.อ.พันธุ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) กล่าวถึงการเตรียมพร้อมของกองทัพอากาศในการไปรับคนไทยในอิสราเอลว่า กองทัพอากาศมีการเตรียมพร้อมตั้งแต่วันที่เกิดเหตุการณ์ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยกองทัพอากาศได้ตั้งกลุ่มขึ้นมาอย่างไม่เป็นทางการเพื่อรวบรวมข้อมูล และในวันที่ 8 ต.ค. ได้ตั้งชุดติดตามสถานการณ์ให้ความช่วยเหลือประชาชน ขั้นต้นได้เตรียมเครื่องบินแอร์บัส 340 จำนวน 1 เครื่อง และC-130 อีก 5 เครื่อง พร้อมเจ้าหน้าที่แพทย์พยาบาลและเจ้าหน้าที่เวชศาสตร์การบินเพื่อคัดกรองกรณีผู้ป่วยติดเครื่องมาด้วย

 

ส่วนเวลาเดินทางไปรับคนไทยขอไม่แจ้ง ณ ที่นี้ เพราะจะเกี่ยวข้องกับเรื่องความปลอดภัย ซึ่งภารกิจเมื่อบินไปรับแล้วจะบินกลับทันที

 

“ยืนยันว่า กองทัพอากาศไม่มีข้อจำกัดในการไปช่วยเหลือคนไทย แต่อาจจะมีข้อจำกัดเรื่องการบินผ่านน่านฟ้า ตามปกติต้องใช้ระยะเวลาเป็นสัปดาห์ แต่กระทรวงการต่างประเทศสามารถประสานงานให้อย่างรวดเร็ว”ผบ.ทอ. กล่าว

 

พล.อ.อ.พันธุ์ภักดี กลางว่า ยังมีบางประเทศที่ไม่ยอมให้บินผ่าน จึงจำเป็นต้องบินอ้อมหรือบินในเส้นทางที่ปลอดภัยที่สุด เพราะการปฏิบัติภารกิจต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ /ทรัพยากรของเรา และประชาชนที่จะไปอพยพกลับมา

 

เมื่อถามว่ามีประชาชนที่แจ้งความจำนงจะเดินทางกลับมากว่า 3,000 คนนั้น กองทัพอากาศสามารถไปรับได้หใดหรือไม่ พล.อ.พันธ์ภักดี กล่าวว่า หากใช้เฉพาะเครื่องบินของกองทัพอากาศอาจ ต้องใช้เวลานาน จึงต้องประสานงานกับการบินไทย ในการใช้เครื่องบินพาณิชย์ด้วย เพื่อช่วยลำเลียงคนไทยกลับมาให้เร็วที่สุด ถือเป็นนิมิตรหมายที่ดีในการระดมสรรพกำลังทรัพยากร ที่มีอยู่ในชาติ รวมถึงความรักสามัคคี ซึ่งกองทัพอากาศ ได้รับความร่วมมือจาก หน่วยงานต่างๆเป็นอย่างดียิ่ง

 

 

  • เตรียมเสนองบฯ ซ่อม – ซื้อเครื่องยนต์ใหม่ c-130 และ แอร์บัส 340 เน้นประหยัดและปลอดภัย

 

พล.อ.อ. พันธุ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) เปิดเผยภายหลังแถลงนโยบาย ประจำปี 2567 ว่างบประมาณปี 2567 กองทัพอากาศจะ ไม่มีการซื้ออาวุธตามนโยบายของกระทรวงกลาโหม แต่เน้นเรื่องของการซ่อมบำรุงเป็นหลัก เช่น การซ่อมเครื่องบิน C-130 ให้ปฏิบัติภารกิจได้อย่างมีความปลอดภัยและประหยัดงบประมาณมากขึ้น

 

 

นอกจากนี้ยังมีการซ่อมบำรุงเครื่องบิน Airbus A-340 ด้วยการจัดหาเครื่องยนต์มาเพิ่มเติม เนื่องจากเครื่องยนต์ที่ใช้อยู่ใกล้จะหมดอายุตามวงรอบการใช้งาน โดยเฉพาะเครื่องบิน A-340 เมื่อครบอายุการใช้งานจะต้องมีการซ่อมใหญ่ รวมถึงของงบประมาณเพิ่มเติมในการซ่อมฐานล้อของเครื่องบินแอร์บัส 340 นอกจากนั้นจะมีโครงการปรับปรุงเครื่องบิน BT-67 ติดตั้งอุปกรณ์บรรจุน้ำ เพื่อใช้ดับไฟป่า และหมอกควัน อีกทั้งการจัดหาชุดจุดชนวนระเบิดสำหรับเก้าอี้ดีดนักบิน

 

 

สำหรับกรณีที่กังวลกันว่าฝูงบินรบเหล่า f16 จะปลดประจำการก่อนที่จะซื้อเครื่องบินใหม่จนอาจจะต้องยืดอายุเครื่องเก่าไป จะมีปัญหาหรือไม่นั้น ผบ.ทอ.ระบุว่า จะพูดว่ายืดไม่ได้ มันก็คงไม่ได้ แต่การยืดอายุที่ผ่านมา ก็คือการที่ใช้เงินซ่อมบำรุงสูง ปัจจุบันราคาอะไหล่ของเครื่องบินราคาสูงชั่วโมงบินละแสนกว่าบาท ต่อไปอาจจะขึ้นถึง 9 แสนกว่าบาท เพราะเราไม่สามารถหาอะไหล่มาใช้แทนได้ อีกทั้งโรงงานที่ผลิตอาจจะไม่ผลิตแล้วด้วย

 

 

เมื่อถามว่า ถ้าเหลือแค่กริฟเพ้นท์ 1 ฝูงบิน จะเพียงพอต่อการปฏิบัติภารกิจในการรักษาอธิปไตยหรือไม่นั้น กล่าวว่า ปัจจุบันเรามีฝูงบินรบหลักประจำการอยู่ตามกองบินภาคต่างๆ ถ้าในที่สุด เราเหลือกริพเพ้นท์เพียงฝูงเดียว ก็จะมีความล่าช้าในการปฏิบัติการทั่วประเทศ แม้จะรักษาอธิปไตยทางน่านฟ้าได้ระดับหนึ่ง แต่ไม่สามารถทำให้มั่นใจได้ว่า จะคุ้มครองทุกอย่างได้อย่างปลอดภัย และมีประสิทธิภาพได้

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube