fbpx
Home
|
ข่าว

รบ.เตรียมส่งแอร์บัส 340 รับ 140 แรงงานไทย 15 ต.ค.นี้

Featured Image
รัฐบาลเตรียมส่งเครื่องบิน ทอ.แอร์บัส 340 รับ 140 แรงงานไทยกลับประเทศ 15 ต.ค.นี้ ยังไม่รับศพกลับต้องรออิสราเอลพิสูจน์อัตลักษณ์ก่อน เน้นอพยพคนจากพื้นที่เสี่ยง เตรียมประสานขอบินผ่านน่านฟ้า

 

 

นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงภายหลังผลการประชุมศูนย์สถานการณ์ฉุกเฉิน โดยได้รับทราบสถานการณ์ความไม่สงบภายในประเทศอิสราเอล และได้มีการพูดคุยเตรียมการอพยพ ซึ่งมีผู้ลงทะเบียนประสงค์กลับประเทศไทยแล้ว 3,863 คน และมี 52 คนประสงค์จะไม่กลับ

 

 

ทางอิสราเอลได้อพยพเคลื่อนย้ายประชาชน รวมถึงแรงงานไทยออกไปในพื้นที่ปลอดภัย ซึ่งได้มีการส่งให้ไปทำงานกับนายจ้างใหม่เพื่อให้มีรายได้ ซึ่งได้พูดคุยกับทางการอิสราเอลว่าให้ดูสถานการณ์ที่เหมาะสมเนื่องจากพึ่งผ่านสถานการณ์การสู้รบมา

 

 

ส่วนแรงงานไทย 15 คนจะเดินทางมาถึงประเทศไทยวันที่ 12 ตุลาคม โดยสายการบินอิสราเอลแอร์ไลน์นั้น จะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินทางไปรับ เข้าตรวจสุขภาพจากกระทรวงสาธารณสุข ขณะที่กระทรวงแรงงาน เตรียมพร้อมเยียวยาตามระเบียบเพื่อให้เกิดความอุ่นใจในการดูแล ซึ่งได้ประสานขอรายชื่อผู้ที่จะเดินทางกลับทั้ง 15 รายแล้ว

 

 

ขณะที่การอพยพคนไทยกลับประเทศนั้น รัฐบาลเตรียมส่งเครื่องบินของกองทัพอากาศ ด้วยเครื่องบินแอร์บัส 340 เพื่อไปรับแรงงานไทยจำนวน 140 คน กลับประเทศ ซึ่งจะเป็นประชาชนในพื้นที่สีแดงหรือพื้นที่เสี่ยงภัยก่อน โดยจะออกเดินทางจากประเทศไทยในวันที่ 14 ตุลาคมและจะถึงกรุงเทลอาวีฟ ในวันที่ 15 ตุลาคม ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศเตรียมขออนุญาตบินผ่านน่านฟ้าของแต่ละประเทศและบินเข้าอิสราเอล เนื่องจากเป็นการใช้เครื่องบินของกองทัพไม่ใช่เครื่องบินพาณิชย์ที่สามารถบินตามเส้นทางได้เลย

 

 

พร้อมยืนยันว่า เที่ยวบินที่ไปรับคนไทยนั้น ยังไม่สามารถที่จะลำเลียงศพผู้เสียชีวิตกลับมาได้ เนื่องจากตอนนี้ต้องรออิสราเอลพิสูจน์อัตลักษณ์ ซึ่งต้องใช้เวลาและต้องรอกระบวนการเยียวยาด้วย อีกทั้งแรงงานที่เดินทางกลับมาไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ

 

 

ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศ ต้องรอทางกองทัพอากาศส่งตารางบิน มาเพื่อขออนุญาตผ่านน่านฟ้าในประเทศต่างๆซึ่งจะพยายามเร่งรัดให้แล้วเสร็จภายในสองวันเพื่อให้เครื่องบินสามารถ บินได้ในวันที่ 14 ตุลาคม

 

 

ขณะที่ระยะเวลาบินมีการคำนวณว่าจะต้องจะต้องใช้ประมาณ 8-12 ชั่วโมง ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับเส้นทางที่จะต้องใช้ดินในภาวะสงคราม ต่างจากสถานการณ์ปกติ สำหรับการอพยพแรงงานไทยในอิสราเอลยังคงใช้แผนทางอากาศยาน ยังไม่ใช้เส้นทางเรือในการอพยพเนื่องจาก ทูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ ไม่แนะนำ เพราะท่าเรืออยู่ในพื้นที่ไม่ปลอดภัย และต้องผ่านเส้นทางอันตรายด้วย

 

 

ทั้งนี้ แม้จะมีผู้ประสงค์ขอกลับ 3,862 คน แต่มีข้อจำกัด ในการเดินทางเข้ากรุงเทลอาวีฟด้วยความปลอดภัยก่อนจะขึ้นเครื่อง ทั้งจะต้องมีการสำรวจตัวเลข เนื่องจากแรงงานบางคนอาจจะเปลี่ยนใจเพราะได้ทำงานนี้เป็นที่ปลอดภัยแล้ว

 

 

ซึ่งตัวเลขแรงงานไทยที่ถูกจับกุมตัว 11 คนยอมรับว่าเป็นตัวเลขที่ได้รับรายงานมาจากนายจ้างไม่ใช่ทางการของอิสราเอล ข้อมูลในภาวะสงครามค่อนข้างยืนยันได้ยาก อาจจะมีเพิ่มขึ้น โดยจากการประสานและเจรจากับหลายฝ่าย คาดว่าเป้าหมายของกลุ่มฮามาสไม่น่าจะเป็นคนต่างชาติเพราะทางกลุ่มฮามาส คงไม่ต้องการเปิดหน้าความขัดแย้งกับนานาประเทศ และหวังว่าคนที่ถูกจับเป็นตัวประกันจะได้รับความปลอดภัยซึ่งรัฐบาลไทยได้ใช้ช่องทางในการเจรจาทุกช่องทางไม่ว่าจะเป็นทางการทูตและองค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ร่วมเจรจาด้วย

 

 

สำหรับแรงงานไทยที่อยู่ในพื้นที่ภาคเหนือของอิสราเอล ซึ่งเป็นพื้นที่ปลอดภัยนั้น หากใครประสงค์จะเดินทางกลับก็สามารถแจ้งความประสงค์ได้เช่นกัน เพราะตอนนี้อยู่ในสถานการณ์พิเศษหรือ ภาวะสงคราม พร้อมทั้งขอให้คนไทยที่พำนักในอิสราเอลหรือนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเที่ยวปฏิบัติตามคำแนะนำขอทางการอิสราเอลอย่างเคร่งครัด

 

 

สำหรับคนไทยที่เดินทางกลับมาเอง อย่างเช่นกรณีที่มีแรงงานเดินทาง กลับมาถึงไทยในช่วงเช้านั้น เข้าใจว่าไม่ใช่ส่วนหนึ่งของแผนการอพยพ ซึ่งเป็นแรงงานที่หมดสัญญาจ้าง อาจจะมีช่องทางในการเดินทางกลับมาเอง ซึ่งส่วนนี้จะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง

 

 

แต่ยืนยันว่าสำหรับคนไทยที่อาศัยอยู่ในอิสราเอลทุกพื้นที่ตอนนี้ หากลงทะเบียนกับทางการของไทย ผ่านช่องทางต่างๆ รัฐบาลไทยจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด เนื่องจากเป็นแนวทางปฏิบัติในภาวะสงครามฉุกเฉิน

 

 

นอกจากนี้ ศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยกระทรวงแรงงานได้มีการจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือในจังหวัดต่างๆ ด้วยสายด่วน 1694 อำนวยความสะดวกให้ญาติประสานในการติดตามแรงงานไทยในอิสราเอล

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube