fbpx
Home
|
บันเทิงไทย

“ทนงศักดิ์” นักแสดงอาวุโส เปิดตัวลูกครั้งแรก! เผยชีวิตคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว 

Featured Image
ทนงศักดิ์” นักแสดงอาวุโส เปิดตัวลูกครั้งแรกเผยชีวิตคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว ถ้าแลกได้ขอตายแทนภรรยาที่จากไป

เรียกได้ว่าหน้าตาดีทั้งบ้านสำหรับครอบครัวของ “ทนงศักดิ์ศุภการ” นักแสดงอาวุโสที่มากด้วยฝีมือที่นอกจากบทบาทในการแสดงจะทำให้ทุกคนรู้จักแล้วแต่อีกหนึ่งภาพจำคือ “นักวิ่ง” ส่วนอีกมุมนึงที่หลายคนยังไม่รู้เพราะเขาคือคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวสูญเสียภรรยาไปด้วยโรคมะเร็งตั้งแต่ปี 48 และล่าสุดก็ได้พาลูกชายลูกสาวปัญญ์ปัญญ์เพชร / เปี่ยมเปี่ยมรักมาออกรายการคุยแซ่บShow ทางช่องOne31เผยอีกมุมของพ่อที่ต้องเลี้ยงลูก 3 คนที่แตกต่างกันมากรวมไปถึงการแต่งงานกับสาวรุ่นลูกอายุห่างกันเกือบ 20 ปี

คุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวมากี่ปีแล้ว?

ทนงศักดิ์ : คุณแม่เขาเสียตั้งแต่ปี 48 แต่พอคุณแม่เริ่มป่วยตอนปี 45 ก็เริ่มเลี้ยงแบบจริงจังตั้งแต่ตอนนั้นเพราะให้คุณแม่เขาได้ดูแลสุขภาพเต็มที่เพราะป่วยเป็นมะเร็งที่ไขกระะดูกเป็นระยะที่ 3 มะเร็งเริ่มเป็นไม่มีอาการนะแต่เขาเริ่มปวดหลังมาเดือนกว่าๆก็เลยตรวจเจอส่วนมากคนที่เจอมะเร็งขั้นต้นก็เพราะว่าไปตรวจสุขภาพเลยเจออย่านิ่งนอนใจและเราก็จำโมเมนท์ได้ตอนเขาโทรมาบอกเราว่าเขาเป็นมะเร็งและวันนั้นเรากำลังจะเข้าฉากเราก็บอกว่าขอไม่เล่นแล้วเพราะว่าภรรยาตรวจพบมะเร็งเรารีบมาจากกองไปหาเขาเราเปิดประตูเข้าไปเห็นเขานอนรอเราเห็นสายตาของเขาเรายังจำภาพวันนนั้นได้เลยสายตาบอกว่าฉันไม่เป็นไรแต่มันคือเป็นแล้วไงเขาพยายามเก็บความรู้สึกเราก็เดินเข้าไปจับมือโมเมนท์คนที่เป็นคู่เราเขาต้องการกำลังใจมากที่สุดไม่เป็นไรทุกคนตกใจหมดคนที่ถูกบอกว่าเป็นมะเร็งถูกตัดสินไปแล้วว่ามึงต้องตายไม่มีสิทธิ์มีชีวิตอยู่คุณหมอก็ยังไม่ได้บอกว่าเป็นอะไรแน่นอนแต่พอตรวจเจอจิตมนุษย์มันก็ตกและพอไปตรวจอีกหมอก็บอกว่าเป็นเยอะแล้วอยู่ไม่เกิน 6 เดือนและการที่หมอบอกแบบนี้เราก็อย่าไปเชื่อเราต้องเชื่อตัวเราเองแต่เรายังไม่ได้บอกลูกเพราะว่าเขายังเล็กอยู่เราค่อยๆบอกเขา

วันนั้นที่แม่เป็นมะเร็งหน้าที่ของลูกคืออะไร?

ปัญญ์ : จริงๆไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนขนาดนั้นด้วยวัยตั้งแต่เด็กเราอยู่กับพ่อเพราะแม่เอาเราไม่อยู่เลยถูกส่งไปอยู่กับพ่อ

เปี่ยม : ตอนนั้นเด็กมากตอนแม่เจอเรายังไม่ทราบว่ามะเร็งคืออะไรเราก็เลยไม่ได้ดูแลอะไรแต่เราจะทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดเวลาไปเรียนราก้ตั้งใจเรียนของเราไปไม่ทราบว่ามะเร็งมันร้ายแรงแค่ไหนและตอนคุณแม่เสียประมาณ.5 

แต่จาก 6 เดือนยื้อมาได้ 3 ปี 18 วัน?

ทนงศักดิ์ : ตอนหมอบอกว่าคุณเป็นมะเร็งจิตทุกคนตกเพราะประสบการณ์มันสอนเราอย่างตอนที่เราไฟดูดและบอกว่าแขนใช้ไม่ได้แต่เราก็ทำจนแขนกลับมาใช้ได้เราอย่าเพิ่งไปเชื่อสิ่งที่เขาบอกมาคือแค่การประเมินในส่วนนึงแต่เราต้องทำให้ดีที่สุดก่อนและวันที่เสียไปเราก็บอกลูกว่าแม่ไม่กลับมาแล้วนะแม่ไปอยู่ที่อื่นแล้วแต่แม่ก็ยังอยู่ในใจของเราตลอดไป

วันที่ภรรยาไม่อยู่แล้วจริงๆ?

ทนงศักดิ์ : เรายังเคยบอกลูกเลยว่าถ้าเลือกได้เราขอไปแทนเพราะอยากให้เขาอยู่ดูแลลูกแทนเราไม่ใช่ว่าเรารักเขามากจนเรายอมตายแทนเขานะแต่แค่รู้สึกว่าผู้หญิงคนนึงถ้าดูแลลูกน่าจะดูแลลูกได้ดีกว่าเราขาดพ่อเหมือนคอหักแต่ขาดแม่เหมือนแพแตกเราไม่มีทางดูแลลูกได้ดีกว่าผู้หญิงที่เป็นแม่เรามีหน้าที่ซัมพอร์ตในเรื่องอื่นแต่พอมันเลือกไม่ได้เราก็ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเรียนรู้จากความเป็นแม่ในการดูแลลูกจากเขาความรักไม่มีเหตุผล

และพอสูญเสียแม่ไปแต่ทำไมเป็นนักวิ่งทั้งบ้าน?

ทนงศักดิ์ : เป็นคนออกกำลังกายอยู่แล้วพอใช้เวลาคลุกคลีอยู่กับความเจ็บป่วยของภรรยาเราเห็นคนป่วยอยู่โรงพยาบาลไม่มีใครอยากป่วยหรอกและเราก็บอกลูกๆว่าเราควรต้องทำนะเราทำให้เขาเห็นเวลาลูกไปงานศิษย์เก่ากับพ่อเห็นเพื่อนๆพ่อแล้วไม่อยากเป็นแบบนี้เราต้องคายตะขาบให้เขาก่อนเขามีสุขภาพดีความล้มเหลวไม่มีอยู่จริงการที่มีสุขภาพดีคือมีอยู่จริง

เปี่ยม : อย่างเราเพิ่งไปตรวจสุขภาพมาแล้วหมอบอกว่าเรามีเซลล์ผิดปกติเราตกใจมากและคุณพ่อก็เลยพาไปตรวจอีกโรงพยาบาลนึงสุดท้ายแล้วมันก็ไม่มีอะไรเป็นแค่เซลล์ผิดปกติแต่ไม่ได้ลุกลามอะไรเราไปตรวจมะเร็งปากมดลูกและมันมีรอยโรคมะเร็งคิดดูยายก็เป็นแม่เป็น

ทนงศักดิ์ : ถามว่าเราตกใจไหมเราก็ตกใจแต่เขาสามารถจัดการกับใจเขาได้เองเขาไปวิ่งได้ไปทำงานได้ตรงนี้เลยทำให้เห้นการออกกำลังกายมันทำให้เขาแข็งแรงเขายอมรับได้เขาก็บอกว่าป่วยก้รักษา

ส่วนลูกชายล่ะเป็นคนสร้างเรื่องที่สุเในครอบครัวไหม?

ทนงศักดิ์ : เรียกว่าเขาทำให้เราเรียนรู้ดีกว่าหลายเรื่องเลยในพื้นที่ที่เราคิดว่าเราไม่เคยแต่เราต้องไปเราควรจะอยู่ในห้องกิจกรรมากกว่าห้งปกครองไปทุกอาทิตย์

ปัญญ์ : หนักมากครับยอมรับว่าอะไรที่ไม่ดีผมทำหมดเลยนะเริ่มตั้งแต่หลังแม่เสียเราก็เริ่มแล้วเป็นลูกคนกลางพี่น้องคือได้ 4 ตลอดส่วนเราคือไม่เคยถึง 1 เอาแค่ 0.8 ให้ได้ก่อนเราไม่เวิร์คทางนี้นะแต่คือจริงๆเราชอบอ่านการ์ตูนเล่นเกมส์ถ้าเป็นยุคนี้คือมันใช้เป็นอาชีพแต่ตอนนั้นคือพ่อเลี้ยงลูก 3 คนและหลังจากแม่เสียมีเหตุการณ์พอแม่เสียเพื่อนมาล้อเรื่องแม่และต่อยกันเราชนะทุกคนเห็นว่าเราโอเคมันทางของเรานิมีคนมาเชิดชูเราในทางนี้จากขาวไม่ได้ก็ไปดำเลยถ้าหนักสุดก็ยาเสพติดสุดโต่งเลยเคยมีเหตุการณ์ในสมัยเด็กเป็นการทะเลาะวิวาทกันหลุดไปหน่อยมีอาวุธเรื่องไปถึงตำรวจผู้บาดเจ็บเป็นเด็กแต่ถามว่าเรากลัวตายไหมเราคิดว่าเราโชคดีพอกลับมามองจากสายตาเราไม่ได้หลุดไปมากขนาดนั้นเราไม่ได้โหดขนาดนั้นเราตีในแบบโรงเรียนเอกชนเราสุดแบบนี้

ทนงศักดิ์ : ตอนนั้นก็ถูกอัญเชิญออกจากโรงเรียนสองโรงเรียนแต่ไม่เคยตีซึ่งก็เคยตีตอนสมัยประถมเคยตีบ้างแต่ถามว่ากลัวลูกตายไหมก็เคยบอกว่าเขาต้องเป็นคนเลือกสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเขาตายไม่เป็นไรแต่ถ้าคนอื่นตายไม่ควรจริงๆถ้าคุณตายมันจะไม่เป็นภาระอะไรเพราะคุณเป็นคนเลือกเองแต่คุณไม่ควรทำให้คนอื่นเขาเดือดร้อนแต่ถ้าคุณไม่ตายคุณติดคุกเราก็ยังสามารถไปเยี่ยมเขาได้

ถามว่าเราเป็นนักแสดงแต่ลูกต้องเข้าห้องปกครองตลอด?

ทนงศักดิ์ : ก็ดีทำให้เราไม่มีตัวตนแต่มันคนละส่วนเราพยายามสอนเขาแต่เขาก็ต้องเรียนรู้เองไม่ได้คิดว่าจะมีส่วนกับชื่อเสียงเราบางส่วนอาจจะมองแบบนั้นแต่ต้องยอมรับความจริงต้องอยู่กับมันและบ่อยมากต้องเบรคกองละครก็ต้องไปห้อวปกครองสุดท้ายก็ไม่ได้โกรธโรงเรียนที่เขาเชิญออกโรงเรียนเขาไม่ได้ทำคุณคุณทำตัวเองเขาก็ทำตามกติกา

ปัญญ์ : สิ่งที่ทำให้เราเปลี่ยนเพราะครอบครัวจริงๆพี่ชายน้องสาวเขาคิดว่าเขาไม่ส่วนในการช่วยแต่จริงๆเขามีส่วนมากๆจริงๆพ่อพูดมาตลอดตั้งแต่เด็กเราเริ่มสังเกตว่าทำไมมีคนเข้าหาพ่อเราตลอดมีคนเข้ามาปรึกษาเรื่องการใช้ชีวิตการทำงานเราอยู่ใกล้เขาแต่ทำไมเราไม่เห็นเรื่องพวกนี้เลยพี่น้องเริ่มมีเงินเดือนแต่เรายังไม่มีอะไรชีวิตนี้เราไม่เวิร์คแล้วเราเริ่มหยุดตัวเองน้องเปี่ยมมาบอกว่ามีอะไรให้ช่วยบอกได้นะเปลี่ยนมาได้ประมาณ 8 ปีแล้ว

คุณพ่อรู้สึกยังไงกับการประสบความสำเร็จของลูกทั้งสามคน?

ทนงศักดิ์ : จริงๆเพียงแค่ให้รู้ว่าอันไหนดีอันไหนไม่ดีต้องใช้ศีลธรรมในการไม่สร้างความเดือดร้อนกับใครตัวเราเองต้องไม่เดือดร้อนด้วยจริงๆสุดท้ายต้อปรับเสมอล้มเมื่อไรก้ต้องลุกขึ้นมาเอง

ลำบากไหมกับการที่อยู่กับผู้ชายและทำให้เรามีแฟนยาก

เปี่ยม : ด้วยความที่ปัญญ์เขาเกรงตอนมัธยมเขาก็จะรู้ว่าถ้าใครมาหักอกเราเขาก็จะรู้ทันทีว่าผุ้ชายคนนี้เป็นยังไงอาจจะต้องเจอเขาหรือเปล่า

ทนงศักดิ์ : ไม่ได้หวงอะไรการใช้ชีวิตของผู้หญิงการมีแฟนได้ไม่ใช่เรื่องผิดอย่างตอนเรียนปีแรกๆเขากลับตี 3 เราก็รอเป็นห่วงเขาสุดท้ายเราก็บอกว่าถ้าเขาต้องท้องหรือเขาพลาดอะไรขึ้นมาแต่เราแค่เสียดายชีวิตวัยรุ่นของเขาเองซึ่งที่เราเข้าใจชีวิตเพราะมันเป็นความจริงทุกคนก็เคยทำการที่คนพลาดไม่ใช่เราต้องซ้ำเติมเราต้องให้โอกาสเราจะบอกเสมอว่าการที่เขาเป็นแบบนี้คนอื่นเป็นก็เรื่องธรรมดา

คุณพ่อแม่แต่งงงานกับสาวอ่อน 20 ปี?

ปัญญ์ : ผมตอบแทนพี่ชายได้เลยว่าคุณพ่อเดินมาบอกว่าคนนี้นะผมก็โอเคตามนั้นพี่ชายก็บอกว่าให้ไปดิวกับน้องเพราะน้องน่าจะหนักสุด

เปี่ยม : ต้องบอกว่าคนนี้ไม่ใช่คนแรกที่เป็นแฟนคุณพ่อคนแรกๆจะไม่โอเคเราหวงพ่อแต่พอมีหลายๆคนเราก็โตขึ้นด้วยมันนานด้วยคนที่ทำให้คุณพ่อแฮปปี้เราก็โอเคแล้วตอนนั้นเราก็ไม่โอเคปฏิบัติดีตลอดแต่พอเสร็จก็บอกว่าไม่โอเคแต่เปี่ยมเป็นคนเดียวที่ได้ของขวัญจากแฟนคุณพ่อคนอื่นไม่เคยได้เลย

ทนงศักดิ์ : เวลาชอบใครเราก็จะบอกว่าชอบฉันมีลูกนะเปิดไปเลยชีวิตมันควรจะเป็นคู่ก็จะสอนลูกเสมอว่าถ้าเขาไม่เลือกเราไม่ใช่เราไม่ดีนะแต่เขาไม่ชอบเราเท่านั้นเองและคำมั่นสัญญากับภรรยาคือเราจะมีใครก็แล้วแต่แต่เราต้องดูแลลูกจนกว่าเขาจะแยกไปมีชีวิต

พ่ออยากบอกอะไรลูก?

ทนงศักดิ์ : ภูมิใจและดีใจที่มีเขาเป็นลูกที่เขามีวันนี้ภูมิใจในทุกๆวันของเขาสำหรับลูกเรามีความสุขเขาเกิดมาครบแต่วันนี้ถ้าผิดพลาดอะไรก็มีโอกาสลุกขึ้นแต่อย่าไปทำให้ใครเดือดร้อน

ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์วันศุกร์เวลา13.15-14.15 ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

คลิปสัมภาษณ์ทนงศักดิ์ศุภการ

https://youtu.be/YHzdo8DY0Xc

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

 

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

 

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube