เขยวัย60เลือดร้อนไปเยี่ยมแม่ยายวัยชราป่วยติดเตียงนั่งตั้งวงดื่มถือปืนจ่อหน้าผากคู่เขยอีกคนนัดเดียวดับ
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อราวเที่ยงคืนที่ผ่านมาที่บ้านเลขที่ 134 หมู่ 1 ตำบลลานสกา อำเภอลานสกา นครศรีธรรมราช พันตำรวจเอกประภาส ศรีสังจร ผู้กำกับการ พันตำรวจโทชูยศ จินดานคร รองผู้กำกับการสืบสวน พนักงานสอบสวน แพทย์เวรชันสูตร รพ.ลานสกา และเจ้าหน้าที่สมาคมกู้ภัยลานสกา เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุหลังจากรับแจ้งเหตุฆาตกรรมในวงเหล้าหน้าบ้านเลขที่ดังกล่าว
ในที่เกิดเหตุเป็นโต๊ะหินขัดหน้าบ้านพบศพนายสายชล แซ่เลี้ยว อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3 หมู่บ้านเอื้ออาทรสะพานยาว ตำบลโพธิ์เสด็จ อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช เสียชีวิตในสภาพถูกจ่อยิงบริเวณหน้าผาก 1 นัด ส่วนบนโต๊ะมีสำรับอาหาร ขวดเหล้าเบียร์ มีแก้วและจานสำหรับดื่มกินอยู่ 3 ชุด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่พบว่าผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม.ในการก่อเหตุ
ต่อมาเจ้าหน้าที่รวบรวมข้อมูลได้ความว่าตั้งแต่ช่วงบ่ายนายสายชล แซ่เลี้ยว ผู้ตายได้เดินทางมาจากตัวเมืองนครศรีธรรมราช มาเยี่ยมแม่ภรรยา หรือแม่ยายเป็นเจ้าของบ้านคือนางกาญจนา วรรณะ อายุ 90 ปี ที่ป่วยด้วยโรคชราอยู่ในบ้าน และมีคู่เขยคือนายอึ้ง (สงวนชื่อนามสกุลเนื่องจากอยู่ระหว่างขอหมายจับ) อายุ 60 ปี ได้มาเยี่ยมแม่ยายเช่นกัน หลังจากนั้นได้ตั้งวงดื่มกินในช่วงวันหยุด โดยวงดื่มนั่งอยู่ด้วยกัน 3 คนคือนายสายชล ผู้ตาย และมีญาติของนางกาญจนาอีก 2 คนโดยทั้งสองคนเป็นประจักษ์พยานในที่เกิดเหตุ ส่วนนายอึ้ง นั่งอยู่บนแคร่ไม้ไผ่ใกล้กัน ช่วงเวลาเกิดเหตุได้มีการพูดคุยกันหลายเรื่องจนกระทั่ง นายอึ้งซึ่งนั่งอยู่นอกวงเดินตรงมาที่ผู้ตายก่อนใช้อาวุธปืนจ่อยิงหน้าผาก 1 นัด คว่ำเสียชีวิตทันที เมื่อเห็นว่านายสายชลเสียชีวิตแล้วจึงหลบหนีไป
ส่วนสาเหตุในขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างสอบสวนบุคคลในบ้านและประจักษ์พยานในที่เกิดเหตุอีก 2 คน แต่ยังไม่ได้ข้อมูลเหตุจูงใจที่แน่ชัด อย่างไรก็ตามสันนิษฐานว่าน่าจะเกิดจากปัญหาขัดแย้งกันระหว่างคู่เขยหรือการพูดจาไม่เข้าหูกันบางเรื่อง โดยขณะนี้พนักงานสอบสวนอยู่ในระหว่างการยื่นขอหมายจับนายอึ้ง ผู้ต้องหา วัย 60 เลือดร้อนรายนี้แล้ว.
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
