fbpx
Home
|
อาชญากรรม

“อัจฉริยะ” ร้อง DSI สอบนอมินีทุนจีน-ผอ.เรียกรับเงิน

Featured Image
อัจฉริยะ ร้อง ดีเอสไอ สอบ 2 กรณี “คนไทยเป็นบริษัทนอมินีทุนจีน-ตั้ง กก.สอบ ผอ.กองคุ้มครองพยาน รับเงิน”

 

 

 

 

วันนี้ (7 ก.ย.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางยื่นหนังสือต่อ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีดีเอสไอ ดำเนินการสืบสวนสอบสวน 2 คดี 1.เอาผิดขบวนการต่างชาติ เปิดบริษัทนอมินีคนไทย ที่เป็นแหล่งฟอกเงิน ขบวนการคอลเซ็นเตอร์ พนันออนไลน์ ขายใบกำกับภาษีปลอม มูลค่านับหมื่นล้านบาท และ 2.ร้องขอให้ตั้งกรรมการ สอบวินัยร้ายแรง ผอ.ส่วนคุ้มครองพยาน ดีเอสไอ ในการรีดเงินจากผู้ใต้บังคับบัญชา รายเดือนตั้งแต่ 2,000-8,000 บาท ทั่วประเทศ อ้างต้องส่งนาย โดยมี น.ส.อรุณศรี วิชชาวุธ ผอ.กองบริหารคดีพิเศษ เป็นตัวแทนรับเรื่อง

 

 

 

นายอัจฉริยะ กล่าวว่า กรณีแรกมี 10 บริษัทคนไทยเป็นนอมมินีให้กับนายทุนชาวจีนและสิงคโปร์ แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ 1.หญิงชาวไทยเปิด 5 บริษัท 2.ชายชาวจีนเปิด 4 บริษัท และ คนไทยอีก 1 บริษัท ซึ่งทำมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 ปี มีบริษัทตั้งอยู่ทางภาคใต้ กรุงเทพฯและปริมณฑล โดยบริษัทเหล่านี้อ้างว่าทำธุรกิจนำสินค้าเข้าจากประเทศจีน ผ่านด่านกรมศุลกากรมุกดาหาร นครพนม

 

 

ท่าเรือคลองเตย ท่าเรือแหลมฉบัง หรือแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เป็นเพียงการประกอบกิจการบางส่วน แต่แท้จริงแล้วนำเงินที่ได้จากธุรกิจพนันออนไลน์ คอลเซ็นเตอร์และขายใบกำกับภาษีปลอม มูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท ในประเทศไทยมาฟอกเงินผ่านบริษัทดังกล่าว รวมทั้ง ซื้ออสังหาริมทรัพย์ รถยนต์ หรือ เรือยอร์ช และยังมีโอนกลับประเทศต้นทาง

 

 

นายอัจฉริยะ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา บริษัทกลุ่มนายทุนดังกล่าว อ้างว่าเจ้าหน้าที่รัฐไม่สามารถทำอะไรได้และมีการเคลียร์กับทั้ง กรมสรรพกากร ตำรวจ กรมศุลกากร เดือนละ 5 หมื่นบาท ล่าสุดพบ ผู้อำนวยการกองทรัพย์สินทางปัญญา ดีเอสไอ มีการเรียกรับเงินประมาณ 5 ล้านบาท กับบริษัทเหล่านี้เพื่อแลกกับการไม่ดำเนินคดี นอกจากนี้ ตำรวจ ปอศ. เคยจับกุมการกระทำผิดได้หลายคดีแต่กรมสรรพากรไม่เคยร้องทุกข์กล่าวโทษ จนเกิดความเสียหายต่อรัฐมากกว่า 100,000 ล้านบาท จึงมาร้องขอให้ดีเอสไอดำเนินการเอาผิดดับขบวนการบริษัทนอมินีให้ต่างชาติอย่างจริงจัง

 

 

นายอัจฉริยะ กล่าวต่อว่า กรณีที่สอง ขอให้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงและสอบวินัย ผอ.ส่วนคุ้มครองพยาน กองปฏิบัติภาค กรมสอบสวนคดีพิเศษ หลังเรียกรับเงินจากผู้ใต้บังคับบัญชา อ้างเก็บส่วนกลางให้นาย หากทำจริงต้องเอาผิดทางอาญาด้วย ซึ่งมีข้อมูลว่าทำมาตั้งแต่ นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ เป็นอธิบดี จนถึงปัจจุบัน หากไม่ยอมจ่ายเงินจะข่มขู่เปลี่ยนคนมาคุ้มครองพยานแทน

 

 

เป็นการตัดรายได้บุคคลอื่น ซึ่งการเรียกเก็บเงินในเขตกรุงเทพจำนวน 2,000 -2,400 บาท หักจากค่ารายได้ ส่วนในต่างจังหวัด 8,000-10,000 บาท หักจากค่ารายได้และที่พัก เช่นกรณีต่างจังหวัด จะมีค่ารายได้และที่พักตกวันละ 1,800 บาท รายเดือนประมาณ 54,000 บาทต่อเดือน ผอ.คนดังกล่าว จะหักเงินรายเดือนตั้งแต่ 8,000-10,000 บาท รับเป็นเงินสด บางครั้งมีการเรียกร้องจำนวนเงินเพิ่มจนผู้ใต้บังคับบัญชาทนไม่ไหว

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube