fbpx
Home
|
อาชญากรรม

แม่ร่ำไห้ร้อง ยธ. ลูกถูกชนเสียชีวิต ไร้เยียวยา

Featured Image
แม่ร่ำไห้ ลูกถูกคนเมาขับรถชนเสียชีวิต ไร้การเยียวยาและคำขอโทษ คนขับรถ ลั่น อยากได้เงินให้ไปฟ้องศาลเอา

 

 

 

วันนี้ (23 มิถุนายน 66) ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พาสองครอบครัวเด็ก 17 ปี ที่ถูกรถชนเสียชีวิตที่จังหวัดเพชรบุรี แต่ไม่รับการเยียวยา นำโดย นางสาวอรุณพิลาศ จันทรเลิศ อายุ 52 ปี มารดาของ น.ส.กัลยรัตน์ จันทรเลิศ หรือ น้องเนส และนายนเรศน์ อารีย์มิตร อายุ 54 ปี บิดาของ น.ส.ชลธิชา อารีย์มิตร หรือน้องแนน เข้ายื่นหนังสือต่อ นางพงษ์สวาท กายอรุณสุทธิ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอให้ช่วยติดตามการอุทธรณ์คดีขอให้เพิ่มโทษและดำเนินการติดตามค่าเสียหายจากคนเมาแล้วขับ

 

 

สืบเนื่องจากกรณีที่น้องเนส นักเรียน ปวช. ปี 2 และน้องแนน นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ทั้งคูาอายุ 17 ปี ถูกคนเมาขับรถชนจนเสียชีวิต เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2565 ที่ อ.เมือง จ.เพชรบุรี แต่คู่กรณีไม่มีการเยียวยาชดใช้ค่าสินไหมทดแทนและไร้คำขอโทษแต่อย่างใด พร้อมท้าทายครอบครัวผู้สูญเสียว่า หากอยากได้ค่าเสียหาย ให้ไปฟ้องเรียกค่าเสียหายเอาเอง

 

 

คุณแม่น้องเนส กล่าวด้วยเสียงสั่นเครือว่า วันนั้นประมาณบ่ายสาม ลูกสาวกับเพื่อนขี่รถไปซื้อของมาขายออนไลน์ โดยได้โทรมาแจ้งตนว่ากำลังกลับจากตลาด ใกล้ถึงบ้านแล้ว 10 นาทีผ่านไปโดยประมาณ เวลา 15:16 ก็ได้รับแจ้งว่าลูกสาวตนเองถูกรถชนเสียชีวิต ตนช็อคและเสียใจอย่างมากที่ลูกสาวจากไปกะทันหัน ทั้งที่กำลังรอลูกสาวคอยกลับบ้าน และที่สำคัญลูกสาวคนเดียวของตนคนนี้เป็นกำลังหลักสำคัญของครอบครัว จากเหตุการณ์นี้ทำให้ขาดเสาหลักของครอบครัว ทุกวันนี้ต้องกินข้าวทั้งน้ำตาและคิดถึงลูกใจแทบขาด

 

 

หลังเกิดเหตุ ตนไม่มีเงินที่จะจัดงานศพลูก ต้องเก็บศพลูกไว้โรงพยาบาล 3-4 วันและหากู้ยืมเงินมาจัดงานศพลูก เป็นหนี้มากกว่าแสนกว่าบาท แต่ตั้งแต่เกิดเหตุตัวคนขับรถคู่กรณีไม่เคยมาขอโทษ ขอขมาศพ และไม่เคยแสดงความรับผิดชอบที่จะเยียวยา พร้อมยังกล่าวท้าทายตนอีกว่า หากต้องการค่าสินไหมทดแทนเยียวยา ให้ไปฟ้องเรียกกับศาลเอาเอง ทั้งที่ตัวผู้ก่อเหตุขับรถมาด้วยความเร็วสูงและเมาสุรา เนื่องจากตรวจวัดพบค่าปริมาณแอลกอฮอลล์ในเลือดสูงถึง 160 มิลลิกรัม

 

 

นอกจากนี้ยังทราบมาว่า ผู้ก่อเหตุไม่ใช่เจ้าของรถ แต่เป็นนายจ้างของผู้ก่อเหตุเป็นเจ้าของ ในวันดังกล่าวตัวผู้ก่อเหตุกำลังจะไปส่งของที่สมุทรปราการ แต่มาเกิดเหตุการณ์นี้ก่อน ซึ่งนายจ้างของผู้ก่อเหตุก็ไม่มารับผิดชอบใด ๆ พร้อมไปแจ้งความหาว่ารถคันดังกล่าวหายเพื่อบอกปัดความรับผิดชอบออกไป อีกทั้งในการต่อสู้คดีในชั้นศาล ปรากฎว่าผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ

 

 

ศาลเลยพิพากษาเมื่อวันที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมา ให้จำคุก 3 ปี แต่ลดโทษให้กึ่งหนึ่งเหลือ 1 ปี 6 เดือน ทำให้ตนติดใจอย่างมาก เพราะมันไม่ก่อให้เกิดความยุติธรรมที่สาสมกับการสูญเสียลูกสาวของตนไป ทั้ง ๆ ที่ตัวผู้ก่อเหตุถูกดำเนินคดีข้อหาเมาแล้วขับและขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย แต่โทษที่ได้มันน้อยเกินไป หากจำคุก 5-10 ปียังสมกับความสูญเสีย แต่พอผลการตัดสินออกมาเป็นเช่นนี้ไม่ยุติธรรมกับตนอย่างมาก

 

 

ด้านคุณพ่อของน้องแนน กล่าวว่า ลูกสาวของตนทั้งสองอนาคตกำลังไกล แต่ต้องมาด่วนจากไปเช่นนี้และครอบครัวทั้งสองก็ยังไม่ได้รับการเยียวยา ตนจึงอยากให้ทางคู่กรณีมาแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งที่ทำลงไป

 

 

ทนายรณณรงค์ กล่าวว่า ที่มาร้องกระทรวงยุติธรรมในวันนี้ ก็เพื่อต้องการที่จะให้ทางกระทรวงยุติธรรม ช่วยเหลือในเรื่องของค่าเสียหายและค่าสินไหมทดแทน เยียวยาครอบครัวของน้องทั้งสอง รวมทั้งดำเนินการขอทนายความอาสาในการช่วยยื่นอุทธรณ์ฟ้องคดีความกับทางคู่กรณี โดยหวังว่าคู่กรณีจะถูกพิพากษาในศาลอุทธรณ์ด้วยโทษหนักมากกว่านี้ เพราะนี่เป็นคดีเมาแล้วขับ ไม่ควรจะพิพากษาในอัตราโทษที่น้อยเช่นนี้

 

 

โดยคู่กรณีถูกดำเนินคดีในข้อหาเมาแล้วขับ, ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุผู้อื่นถึงแก่ความตาย, และพกพาอาวุธปืน เบื้องต้นทราบมาว่า ตอนนี้คู่กรณีได้ยื่นอุทธรณ์เพื่อต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ ส่วนเหตุผลที่ทำให้ศาลพิพากษาโทษที่น้อยเกินไปนั้น พบว่า เดิมคู่กรณีต่อสู้และไม่ยอมรับสารภาพ ก่อนจะมาเปลี่ยนคำให้การภายหลังว่ารับสารภาพ และอ้างว่า คู่กรณีเองตกงานและจำเป็นต้องไปดูแลภรรยาที่ป่วย จึงเป็นเหตุทำให้ศาลพิพากษาจำคุก 3 ปี แต่เนื่องจากจำเลยรับสารภาพจึงลดโทษให้กึ่งหนึ่งเหลือ 1 ปี 6 เดือน ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ทางครอบครัวของน้องทั้งสอง ติดใจว่าไม่รับความยุติธรรม ทั้งที่เป็นข้อหาเมาแล้วขับ ซึ่งควรจะต้องได้รับโทษที่หนักกว่านี้

 

 

ต่อมานายธีรยุทธ แก้วสิงห์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านพิทักษ์สิทธิและเสรีภาพ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เป็นตัวแทนรับมอบหนังสือ โดยระบุว่า ทางกระทรวงยุติธรรมยินดีให้ความช่วยเหลือแก่ครอบครัวทั้งสอง ในเบื้องต้น เตรียมประสานกับยุติธรรมจังหวัดเพชรบุรีช่วยจัดหาทนายอาสา มาดำเนินคดีกับคู่กรณี ทั้งในการอุทธรณ์คดีอาญาและฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนทางแพ่ง โดยที่ครอบครัวผู้สูญเสียไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ในส่วนเรื่องของการเยียวยาครอบครัวทั้งสองในฐานะผู้เสียหายในคดีอาญานั้น เบื้องต้นได้อนุมัติให้ความช่วยเหลือเยียวยาไปแล้ว ครอบครัวละ 90,000 บาท เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แต่หากมีช่องทางในการช่วยเหลือเยียวยาเพิ่มเติมก็จะดำเนินการให้

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

 

 

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube