fbpx
Home
|
อาชญากรรม

“บิ๊กโจ๊ก” พบ “แอม” เล่นเว็บพนันสูงสุดวันละ 10ลบ.

Featured Image
“บิ๊กโจ๊ก”พบเส้นทางการเงิน”แอม ไซยาไนด์”เล่นเว็บพนันสูงสุดวันละ 10 ล้านบาท เตรียมจับเจ้าของเว็บเร็วๆ นี้ เตรียมสรุปสำนวนส่งอัยการทั้ง 15 คดี สัปดาห์หน้า – ยังไม่พบอดีตสามีและทนายเอี่ยวฆาตกรรม

 

 

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ( รองผบ.ตร.) เปิดเผยว่า หลังจากเมื่อวาน( 18 พ.ค.) ที่ผ่านมาได้เข้าไปสอบปากคำ น.ส.สรารัตน์ หรือ แอม ภายในทัณฑสถานหญิงกลาง แล้วพบว่าไม่ยอมให้การเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวน และไม่ยอมลงลายมือชื่อในคำให้การที่ให้ไว้เดิมนั้น ระบุว่า ไม่เหนือความคาดหมายที่ผู้ต้องหาไม่ให้การ หลังจากที่ได้รับคำปรึกษาจากทนายความซึ่งยังคงเป็น น.ส.ธันย์พิชา เอกสุวรรณวัฒน์ หรือ ทนายพัช และยังไม่มีการเปลี่ยนตัวทนายความ และแม้ว่าผู้ต้องหายังไม่ได้รับสารภาพในข้อหาฆ่าผู้อื่น

 

 

 

แต่รับในข้อเท็จจริง ซึ่งก็ยังยืนยันว่าตำรวจมีพยานหลักฐานที่แน่นหนา สามารถดำเนินคดีในชั้นศาลได้ ย้ำว่าการกลับคำให้การไปมาของ น.ส.แอม ไม่มีปัญหาในการดำเนินคดี โดยจากการเข้าไปสอบปากคำด้วยตัวเองในเรือนจำ2ครั้ง ยังพบว่า น.ส.แอม ยังไม่สำนึกผิด ส่วนจะมีที่ปรึกษาทางกฎหมายให้กับ น.ส.แอม จะมีความผิดหรือไม่ ขณะนี้ยังไม่พบความผิด และยังไม่พบว่าแอมโอนเงินให้ทนายพัชแต่ทางครอบครัวแอมเป็นคนดำเนินการ

 

 

รองผบ.ตร. กล่าวว่าชุดคลี่คลายคดียังได้สืบสวนถึงแหล่งที่มาของไซยาไนด์ รวมทั้งเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมที่ปล่อยปละละเลย รวมทั้งกลุ่มเว็บไซต์พนันออนไลน์ ที่พบว่าน.ส.แอม โอนเงินไปเล่นพนันกว่า 78 ล้านบาท ขณะนี้ทราบถึงเจ้าของเว็บไซต์ทั้งหมดแล้ว และพบว่าเว็บไซต์ดังกล่าวไม่มีความเคลื่อนไหวแล้ว ส่วน น.ส.แอม ยังยอมรับว่าเล่นการพนันมาตั้งแต่ปี 2563

 

 

โดยรวมเงินจากกลุ่มเพื่อน และวงแชร์ วงจำนำรถ และกลุ่มเงินกู้ เพื่อไปเล่นพนัน โดยบางวันเข้าเว็บพนันมียอดเงินสูงถึง 10 ล้านบาท และจากการตรวจสอบยังไม่พบว่า พ.ต.ท.วิฑูรย์ รังสิวุฒาภรณ์ อดีตสามีแอม เข้าไปเกี่ยวข้องกับการเล่นพนัน แต่ได้ช่วยเหลือด้านการเงิน ทั้งกู้เงินจากสหกรณ์ และจำนองบ้าน เพื่อเอาเงินไปให้แอม

 

 

โดยภายในสัปดาห์หน้าจะพบความชัดเจนในการแจ้งข้อกล่าวหา และการออกหมายจับกับบุคลที่เกี่ยวข้อง ส่วนแอม ก็จะถูกแจ้งข้อความหา ใช้เอกสารปลอมเพิ่มเติม หลังจากพบว่าปลอมทะเบียนรถของนายแด้ อดีตสามี

ทั้งนี้ รองผบ.ตร.ยังระบุว่า สำนวนคดีนี้ได้ปรึกษาร่วมกับอัยการอยู่โดยตลอด เพื่อให้การส่งสำนวน และการตรวจสอบสำนวนไปในทิศทางเดียวกัน ยืนยันพร้อมที่จะส่งสำนวนคดีทั้ง 15 คดี ไปให้อัยการพิจารณาภายในสัปดาห์หน้า โดยจะมอบหมายให้ พล.ต.ต.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ ผู้บังคับการศูนย์ฝึกอบรม กองบัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะหัวหน้ารวบรวมสำนวนคดี และพ.ต.อ.เนอก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการกองปราบปราม ซึ่งเป็นผู้ทำคดีและเป็นผู้มีประสบการณ์ในการร้อยเรียงสำนวนทั้ง 15 สำนวนขึ้นเบิกความให้ศาลรับฟัง

 

 

ด้าน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้มีการพูดคุยและ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ รายงานความคืบหน้าให้ทราบโดยตลอด ซึ่งคดีนี้เป็นคดีที่สังคมให้ความสนใจและตนเองได้กำชับเร่งรัดคดีโดยให้ทำให้เร็วแต่ก็ต้องรอบคอบ ซึ่งทาง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เองก็มีการประชุมชุดคลี่คลายคดีทุกวันโดยเฉพาะพนักงานสอบกองปราบปรามและตำรวจภูธรภาค 7 ในการทำงานร่วมกันและคงจะดำเนินเสร็จสิ้นเร็วๆนี้ ส่วนสำนวนคดีทราบว่าจะมีการรวบรวมและส่งให้อัยการไปมีเดียว 15 สำนวน

 

 

เน้นย้ำให้ทำอย่างรอบคอบที่สุดเพื่อดำเนินการในขั้นตอนต่อไปได้ดีที่สุด พร้อมระบุว่าบางกรณีที่ผู้ต้องหาไม่ให้ความร่วมมือและหลักฐานบางชิ้นไม่สมบูรณ์ก็ได้กำชับไปแล้วว่าให้ทำให้ดีที่สุดในการรวบรวมหลักฐานต่างๆแม้ผู้ต้องหาไม่ให้ความร่วมมือก็ให้หาหลักฐานส่วนอื่นไม่ว่าจะเป็นพยานบุคคล พยานเอกสาร พยานแวดล้อม รวมถึงหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ นำร้อยเรียงให้ครบถ้วนสมบูรณ์ก่อนส่งสำนวนให้อัยการ ซึ่งย้ำว่าคดีนี้มีตำรวจมีหลักฐานพอสมควรขอให้มั่นใจว่าเอาผิดผู้ต้องหาได้แน่นอน

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube