fbpx
Home
|
อาชญากรรม

เร่ง!ตรวจสอบ หลังผลเลือด “น้องก้อย” พบไซยาไนด์

Featured Image
ผลเลือดน้องก้อยพบไซยาไนด์ นิติเวชตำรวจรอผลตรวจอย่างเป็นทางการ คาด1สัปดาห์รู้ผล รับในอดีตเคยพบ2ศพถูกฆาตกรรมด้วยสารไซยาไนด์

 

 

มีรายงานผลการชันสูตรพลิกศพ น้องก้อย วัย 32 ปี ที่หัวใจล้มเหลวเสียชีวิตขณะปล่อยปลา ช่วงสงกรานต์ปี 2566 หลังจากที่เดินทางไป จ.ราชบุรี กับผู้หญิงคนหนึ่งชื่อแอม เพื่อไปทำบุญปล่อยปลาที่ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี เบื้องต้น ทางครอบครัวได้นำร่างของ น้องก้อย มาผ่าพิสูจน์ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 21 เมษายน ผ่านมา ขณะนี้แพทย์ได้ทำการผ่าพิสูจน์และเก็บตัวอย่างเลือดจากศพไปตรวจอย่างละเอียด ซึ่งผลการตรวจพิสูจน์ยังไม่ออกอย่างเป็นทางการ อย่างน้อยคาดว่าอีก 1 สัปดาห์

 

 

ขณะเดียวกันทาง รพ.ราชบุรีได้ส่งตัวอย่างเลือดที่เก็บจากร่างน้องก้อยตั้งแต่วันเกิดเหตุพร้อมผลชันสูตรของแพทย์ที่ รพ.ราชบุรี ส่งมาให้แพทย์นิติเวช เบื้องต้นพบว่าในเลือดมีสารกลุ่มไซยาไนต์ ซึ่งสารดังกล่าวไม่ได้เป็นสารที่ใช้ทางการแพทย์และไม่ควรจะพบในคน เนื่องจากเป็นสารอันตรายต่อชีวิตได้ ซึ่งการพบสารดังกล่าวยังไม่ได้ระบุว่ามีปริมาณมากน้อยเพียงใดหรือเข้าไปสู่ด้วยวิธีใดโดยยังไม่สามารถบ่งชี้ได้ ทางรพ.ตำรวจจะต้องตรวจสอบอย่างละเอียด

 

 

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ามีผู้เสียชีวิต6ราย ในลักษณะคล้ายกันกับที่ผู้ต้องสงสัยถูกกล่าวหาว่าเป็นคนวางยาหรือไม่ ขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติยังไม่ได้สั่งการลงมาแต่เชื่อว่าจะต้องมีการตรวจสอบประวัติย้อนหลังของผู้เสียชีวิตทั้งหมด และได้ส่งไปตรวจชันสูตรในพื้นที่ไหนหรือที่ รพ.ตำรวจแห่งชาติหรือไม่ จะต้องมีการตรวจสอบย้อนหลังว่ามีกรณีคล้ายกันจริงหรือไม่เพื่อให้ทราบความชัดเจน แหล่งข่าวยอมรับว่าในอดีตมีผู้เสียชีวิตจากการฆาตกรรมโดยใช้สารกลุ่มไซยาไนต์ถึง 2 รายที่ส่งมาให้ รพ.ตำรวจ ผ่าพิสูจน์เมื่อหลายปีมาแล้ว

 

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวมีความกังวลว่าจะเกิดพฤติกรรมเลียนแบบโดยการใช้สารกลุ่มดังกล่าวไปทำร้ายบุคคลอื่นได้ โดยเฉพาะหากมีการเปิดเผยถึงวิธีการใช้สารกับคน จึงไม่สามารถให้ละเอียดเกี่ยวกับวิธีการใช้ได้เพราะเกรงจะเกิดการเลียนแบบ

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube