บช.น.เตรียมแจงคดีเบนท์ลี่ย์ ทนายเดชา ชี้ ตร. ต้องทํางานอย่างเป็นกลาง
วันนี้ (11 ม.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกระแสข่าวที่ออกมาเกี่ยวกับผลการตรวจเลือดของนักธุรกิจใหญ่ผู้ขับรถยนต์เบนท์ลี่ย์ชนรถยนต์มิตซูบิชิ ปาเจโร่ จนเสียหลักไปชนเข้ากับรถดับเพลิงบนทางพิเศษเฉลิมมหานคร จนมีผู้บาดเจ็บรวม 6 คน เมื่อวันที่ 8 ม.ค. ที่ผ่านมานั้น ซึ่งผลตรวจพบว่ามีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดอยู่ไม่เกิน 20 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือว่าไม่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด
ล่าสุดบรรยากาศที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ตั้งแต่ช่วงเวลา 09:00 น. ที่ผ่านมา มีสื่อมวลชนทยอยเดินทางมาติดตาม และรอฟังคำตอบ ว่าจะแถลงผลการตรวจแอลกอฮอล์จากเลือดของเสี่ยเบนท์ลี่ย์ อย่างเป็นทางการหรือไม่
จนกระทั่งเมื่อเวลาประมาณ 12.35 น. ได้รับรายงานว่าผู้บังคับบัญชาระดับ บช.น. ได้รับรายงานข้อเท็จจริงเพิ่มเติมแล้ว และได้สั่งการให้ พนักงานสอบสวน พิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งวันนี้ทางผู้บังคับบัญชาติดภารกิจ อยู่ระหว่างการจัดทำใบข่าวเพื่อแจ้งข้อเท็จจริง โดยจะรายงานให้ทราบในลําดับต่อไป
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวได้โทรสอบถามข้อมูลจากทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ (ทนายคลายทุกข์) จนทราบว่าการคำนวณย้อนหลังไปเพื่อหาปริมาณแอลกอฮอล์ตอนขับขี่นั้น ในทางกฎหมายไม่สามารถใช้ได้เพราะเวลาพิสูจน์กันในชั้นศาลต้องใช้หลักฐานจากทางผู้เชี่ยวชาญเป็นเอกสารซึ่งคือผลที่มีการตรวจหน้าปัจจุบัน
นอกจากนี้ ทนายเดชา เผยอีกว่าได้ข้อมูลมาจากพยานที่อยู่ในเหตุการณ์ว่าในจุดเกิดเหตุไม่พบว่ามีพนักงานสอบสวนเดินทางมายังจุดเกิดเหตุรวมถึงเมื่อมาถึงที่สถานีตํารวจกลับพบว่ามีเพียงตำรวจชั้นประทวนเฝ้าอยู่ที่สถานีฯ แต่ไม่มีตำรวจชั้นสัญญาบัตรซึ่งต้องมาตรวจสอบว่าในวันเกิดเหตุในช่วงเวลาดังกล่าวพนักงานสอบสวนเจ้าของเวรได้ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในสถานีหรือไม่เพราะหากไม่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในสถานีหรือไม่มาเข้าเวรก็จะเข้าข่ายความผิดวินัยตำรวจ ซึ่งกองบัญชาการตำรวจนครบาลและกองบังคับการตำรวจจราจรต้องตรวจสอบในประเด็นนี้และตอบคำถามสังคมให้ได้
ส่วนที่ก่อนหน้านี้ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาลมีการออกมาแถลงข่าวถึงกรณีดังกล่าวตนเอง อยากให้ตำรวจแถลงข่าวอย่างตรงไปตรงมาและเป็นกลาง โดยการที่ออกมาแถลงข่าวว่าผู้ขับขี่เจ็บหน้าอกไม่สามารถเป่าได้ เป็นสิ่งที่ไม่ควรพูดเพราะเหมือนทางท่านโฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาลเป็นทนายแก้ต่างให้กับทางผู้ขับขี่ ซึ่งทางตำรวจต้องระมัดระวังในจุดนี้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnew
