ศาลนัดไต่สวนประกันตัว “ทานตะวัน” 26 พ.ค.นี้ ให้ “พิธา” เสนอพฤติการณ์พิเศษเป็นผู้กำกับดูแลพฤติการณ์ เเละรับผิดชอบ
ความคืบหน้าภายหลังทนายความยื่นคำร้องขอคัดค้านการฝากขังครั้งที่ 8 ของ น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ นักเคลื่อนไหวอิสระ อดีตสมาชิกกลุ่มทะลุวัง ผู้ต้องหาคดีดูหมิ่นสถาบันฯ
ฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน ม.368 ฐานไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงาน และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ในคดีโพสต์เฟซบุ๊ก เเละวันนี้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ไว้เเล้ว
ต่อมา ในช่วงเย็นศาลอาญาอ่านคำสั่งว่า พิเคราะห์พยานหลักฐานในชั้นไต่สวนคำร้องและข้อคัดค้านของผู้ต้องหาแล้ว ได้ความจาก พนักงานอัยการผู้ร้องว่า ผู้ร้องเพิ่งได้รับสำนวนการสอบสวนจากพนักงานสอบสวน เมื่อวันที่19 พ.ค.65 เวลาประมาณ 13.00 น.ผู้ร้องจึงไม่อาจที่จะพิจารณาสั่งฟ้องได้ทันประกอบกับคดีนี้เป็น คดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
ซึ่งตามหนังสือสำนักงานอัยการสูงสุด เรื่อง แนวทางปฏิบัติในการดำเนินคดีอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ผู้ร้องต้องส่งสำนวนให้คณะกรรมการของทางสำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณาก่อนและได้ส่ง สํานวนให้ทางคณะกรรมการฯ พิจารณาแล้วในวันเดียวกันหลังจากได้รับสำนวนจากพนักงานสอบสวน แต่ยังไม่ได้รับสำนวนกลับคืนมา
ด้วยเหตุผลดังกล่าว จึงขอฝากขังผู้ต้องหาต่อศาลในครั้ง นี้อีก 7 วันและผู้ร้องยืนยันว่าผู้ร้องเองและคณะกรรมการฯ สามารถดำเนินการพิจารณาสั่งคดีได้ แล้วเสร็จภายในกำหนดนี้ผู้ต้องหาคัดค้านว่าผู้ต้องหาไม่มีพฤติการณ์หลบหนี ไปยุ่งเหยิงกับ พยานหลักฐาน หรือก่อเหตุภยันตรายประการอื่น
หากไม่ฝากขังผู้ต้องหาต่อศาลก็ไม่ได้เป็นเหตุที่ จะทำให้ผู้ร้องไม่สามารถที่จะพิจารณาสั่งคดีได้ ขอให้ศาลยกคำร้องขอฝากขังศาลเห็นว่าเมื่อผู้ร้องเพิ่งได้รับสำนวนการสอบสวนจากพนักงานสอบสวน เมื่อวันที่19 พ.ค.65 เวลา ประมาณ 13.00 น.
ทำให้ผู้ร้องไม่อาจพิจารณาสั่งคดีได้ทันและคดีนี้ก่อนฟ้องคดี ผู้ร้องต้องส่ง สำนวนให้คณะกรรมการฯ พิจารณาก่อน กรณีจึงเป็นเหตุจำเป็นเพื่อการฟ้องคดี ส่วนที่ผู้ต้องหา คัดค้านว่าผู้ต้องหาไม่มีพฤติการณ์ที่จะหลบหนี ยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานหรือไปก่อเหตุภยันตราย อย่างอื่น จึงไม่มีเหตุที่จะขังผู้ต้องหานั้น เห็นว่าตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 71 วรรคหนึ่ง
บัญญัติว่า เมื่อได้ตัวผู้ต้องหาหรือจำเลยมาแล้วในระยะใดระหว่างสอบสวน ไต่สวนมูลฟ้อง หรือพิจารณา ศาลจะออกหมายขังผู้ต้องหาหรือจำเลยไว้ตามมาตรา 87หรือ มาตรา 88ก็ได้ และให้นำบทบัญญัติในมาตรา 66มาใช้บังคับโดยอนุโลม ซึ่งมาตรา 66 บัญญัติว่าเหตุที่จะออกหมายจับได้ มีดังต่อไปนี้
1.เมื่อมีหลักฐานตามสมควรว่า บุคคลใดน่าจะ ได้กระทำความผิดอาญา ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกินสามปี ดังนั้น ตามบทบัญญัติดังกล่าวให้ อำนาจศาลที่จะขังผู้ต้องหาในระหว่างสอบสวนหากมีเหตุตามมาตรา 66 เมื่อคดีนี้ผู้ต้องหาถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112
ซึ่งมีระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี จึงเป็นกรณีที่ศาลจะออกหมายขังผู้ต้องหาได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา มาตรา 71ประกอบมาตรา 66 (1)
กรณีการฝากขังของผู้ร้องจึงไม่จำเป็นต้องพิจารณา หลักเกณฑ์ว่าผู้ต้องหาจะมีพฤติการณ์ที่จะหลบหนี ยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานหรือไปก่อเหตุ ภยันตรายอย่างอื่น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 71ประกอบมาตรา 26
2.ตามที่ผู้ต้องหาคัดค้าน จึงเห็นควรอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาในครั้งที่ 8 นี้ เป็นเวลา 7วัน นับ แต่วันที่ 23-29 พ.ค.65 แต่ทั้งนี้ ไม่ตัดสิทธิ์ผู้ต้องหาในการยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 106
โดยในส่วนคำสั่งประกันตัว ศาลอาญา มีคำสั่งว่า ให้นัดไต่สวนคำร้องขอปล่อยชั่วคราวในวันพฤหัสบดีที่ 26 พ.ค.นี้ เวลา 10.00 น. และให้ผู้ร้องเสนอพฤติการณ์พิเศษที่เป็นเหตุให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหา เช่น ผู้ร้องจะเป็นผู้กำกับดูแลพฤติการณ์ของผู้ต้องหาอย่างใกล้ชิดเพื่อมิให้ผู้ต้องหาทำผิดเงื่อนไขที่ศาลกำหนดไว้อีก และหากผู้ต้องหาผิดเงื่อนไขผู้ร้องจะแสดงความรับผิดชอบอย่างไร
ให้ผู้ต้องหาและทนายผู้ต้องหาเสนอเงื่อนไขให้ศาลพิจารณาประกอบในการปล่อยชั่วคราวก่อนหรือในวันนัด แจ้งพนักงานสอบสวนหากจะคัดค้านให้ยื่นคำคัดค้านก่อนหรือในวันนัด
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews