“วรวัจน์” เรียกร้อง กกต.ทบทวนกฎ 180 วัน ขอผ่อนคลาย ช่วยเหลือประชาชน เดือดร้อนน้ำท่วม “โนรู”กำลังถล่ม
นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล คณะกรรมการยุทธศาสตร์ และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย แถลงข่าวเรียกร้อง
คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พิจารณาทบทวนระเบียบ180 วัน ที่อาจเข้าข่ายการหาเสียง เพื่อให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่เดือดร้อน
และประสบกับวิกฤติพายุโนรู ว่า ตอนนี้พายุโนรูได้เข้าประเทศเวียดนามแล้ว และอีกไม่นานจะเข้ามาถึงภาคอีสานภาคกลาง และภาคเหนือของไทย ซึ่งไทย
จะได้รับผลกระทบมากที่สุดอย่างแน่นอน แต่ในการเผชิญเหตุไม่ได้มีการขนของ
แต่จะต้องมีการเตรียมการทั้งการขุดลอกการเตรียมกระสอบทรายและอื่นๆ แต่วันนี้กฎเหล็กของกกต. ห้ามฝ่ายการเมืองดำเนินการทุกอย่าง ที่อาจคำนวณเป็นตัวเงินกรือผลประโยชน์อื่นใด เพราะฉะนั้นเป็นเหมือนการปิดกั้นฝ่ายการเมือง ที่จะเข้าไปให้ความช่วยเหลือประชาชน โดยให้ภาครัฐสามารถดำเนินการได้เพียงฝ่ายเดียว ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าฝ่ายรัฐบาลจะ
สามารถช่วยเหลือประชาชนได้ อย่างครอบคลุมหรือไม่ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาหาเสียงแต่เป็นเวลาที่ประชาชนต้องเผชิญภัยพิบัติ ตนเชื่อว่าฝ่ายรัฐบาลฝ่ายเดียวไม่สามารถช่วยเหลือประชาชนได้อย่างครอบคลุม
ดังนั้น จึงอยากขอให้ทางกกต. พิจารณาผ่อนคลายในส่วนนี้ พรรคเพื่อไทยไม่ได้มีเจตนาที่จะเข้าไปหาเสียง เพราะไม่ใช่เวลาที่จะมาหาเสียง แต่คิดว่า
การช่วยเหลือประชาชนที่กำลังจะเกิดภัยพิบัติเป็นเรื่องใหญ่และสำคัญ
ซึ่งที่ผ่านมาในบางพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วมแล้วนั้น ฝ่ายรัฐบาลไม่ได้ ให้ความช่วยเหลืออย่างทันท่วงทีหรือครอบคลุม จึงอยากให้กกต.ได้ผ่อนคลายกฎเกณฑ์ในขณะที่ประชาชนกำลังเผชิญวิกฤตอยู่ในขณะนี้
โดยปกติในขณะที่เผชิญเหตุภัยพิบัติ กฎเกณฑ์ต่างๆ ก็จะมีการยกเว้น และเชื่อว่าฝ่ายรัฐบาลฝ่ายเดี๋ยวจะไม่สามารถช่วยเหลือประชาชนได้อย่างครอบคลุม
จึงควรให้ฝ่ายการเมืองที่เข้าใจพื้นที่เข้าใจประชาชน ได้มีโอกาสเข้าไปช่วยเหลือประชาชนด้วย
ด้าน น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ (อรุณี กาสยานนท์) รองเลขาธิการพรรค กล่าวถึงสภาวะอากาศโรค ส่งผลให้เกิดพายุในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทวีความรุนแรงมากขึ้น ว่า สิ่งที่จะเห็นจากรัฐบาลเป็นเพียงการแก้ไขในระยะสั้น ล่าสุดรัฐบาลได้ออกมาตรการมา 5 มาตรการโดยการจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ในระดับจังหวัด
ซึ่งเป็นการลงไปบัญชาการในสถานการณ์จริง อาจจะแก้ไขให้กับประชาชนและพ่อแม่พี่น้องได้รวดเร็วขึ้นแต่หากมองปัญหาในการบริหารจัดการน้ำของประเทศอย่างเป็นระบบจะเห็นว่ารัฐบาลภายใต้การบริหารงานของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี มีแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการน้ำที่ตั้งไว้ตั้งแต่ปี 2558 จนถึงปี 2569 แผนที่จัดตั้งนี้ ถ้านับจาก 2,560-2565 มีการใช้จ่ายงบประมาณไปแล้ว 364,090 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมีการใช้งบกลางด้วย ซึ่งถือว่าเป็นการใช้งบประมาณที่เยอะมาก จึงเกิดคำถามว่าการใช้งบประมาณของรัฐบาลได้จัดสรรอย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ ทั้งภาพรวมของแผนการใช้งบประมาณ และภาพรวมในเรื่องของงบกลาง
ทั้งนี้ สิ่งที่รัฐบาลต้องทำนอกจากมาตรการรับมือพายุโนรูแล้ว ประชาชนอยากเห็นการลงมือทำจริงและการแก้ปัญหาน้ำท่วมอย่างจริงจังและเป็นระบบแม้รัฐบาลจะเหลือเวลาไม่นานแต่ช่วยทำงานให้คุ้มค่ากับเงินภาษีของประชาชนด้วย
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
