fbpx
Home
|
ข่าว

“อรรถวิชช์”แนะรัฐแก้หนี้นอกระบบต้องแก้กม.เครดิตบูโรด้วย

Featured Image

 

 

 

“อรรถวิชช์” แนะนำ รัฐบาลจะแก้หนี้นอกระบบ ต้องแก้กฎหมายปฏิรูปเครดิตบูโรด้วย

 

 

 

 

นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีต ส.ส.กทม. กล่าวถึงการแถลงแก้หนี้นอกระบบของรัฐบาลว่า เป็นเรื่องดี แต่ต้องเข้าใจต้นเหตุก่อนว่า คนติดหนี้นอกระบบยอมโดนดอกเบี้ยโหดเพราะกู้ในระบบไม่ได้ ติดแบล็กลิสต์ ธนาคารไม่ปล่อยกู้ให้ ต่อให้จ่ายหนี้หมดแล้ว ก็ยังกู้ใหม่ไม่ได้ เนื่องจากมีประวัติเคยค้างจ่ายยังติดอยู่ในระบบข้อมูลเครดิตถึง 3 ปี

 

 

 

 

นายอรรถวิชช์ กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบในยุคนี้ ต้องแก้กฎหมายเครดิตบูโรควบคู่ด้วย เช่น ชำระหนี้หมดแล้วต้องลบข้อมูลหนี้บัญชีนั้นทันที หรือกลับมาจ่ายได้ปกติหกเดือนติดต่อกัน ก็ควรลบข้อมูลค้างเก่าในบัญชีนั้นเสีย ลูกหนี้จะได้มีโอกาสกู้ในระบบได้บ้าง

 

 

 

 

 

ปัจจุบันสถาบันการเงินแชร์ข้อมูลระหว่างกัน เป็นประวัติลูกค้าดีบ้างเสียบ้างยาวนาน 3 ปี ควรแทนด้วยระบบคะแนนเครดิต Credit Scoring ใครคะแนนเครดิตดีได้ดอกเบี้ยต่ำ ใครคะแนนเครดิตต่ำได้ดอกเบี้ยสูง ถ้าทำแบบนี้ จะเกิดการแข่งขันเรื่องดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ และการรีไฟแนนท์กันไปมาได้ ทำให้ประชาชนมีทางเลือกเข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้นและเป็นธรรมต่อทั้งลูกค้าและสถาบันการเงิน

 

 

 

 

 

นายอรรถวิชช์ กล่าวด้วยว่า สถานการณ์หนี้ของประชาชนขณะนี้หนักหน่วงผิดปกติ ก่อนโควิดมีคนกู้ในระบบไม่ได้ ที่เรียกว่าติดแบล็คลิสต์อยู่ 2,000,000 คน ปัจจุบันมีถึง 5,000,000 คน ถ้าคนกลุ่มนี้กู้ไม่ได้ ไม่มีทางเลือก ในที่สุดก็ต้องเข้าสู่วงจรหนี้นอกระบบ แนวทางแก้ไขที่สามารถทำได้ คือการเพิ่มโอกาสเข้าถึงสินเชื่อ ด้วยร่างกฎหมายปฏิรูปเครดิตบูโร ซึ่งตนเองพร้อมด้วยเครือข่ายนักการเงิน ภาคประชาชน ร่วมกันเสนอ ขณะนี้เราได้เตรียมเว็บไซต์ changeblacklist เหลือเพียงรอประธานสภาฯ อนุมัติ ก็จะรวบรวมรายชื่อประชาชนไม่น้อยกว่า 10,000 รายชื่อ คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้เร็วๆ นี้ จึงขอให้ท่านนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล ร่วมสนับสนุนร่างกฎหมายนี้ เป็นกลไกแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube