fbpx
Home
|
ข่าว

ก้าวไกลซัด “ประยุทธ์” ทำ “เศรษฐา” สานต่อปล้นคนไทยจ่ายค่าไฟแพง

Featured Image
ก้าวไกลจับตานโยบายพลังงาน แฉขบวนการปล้นคนไทยจ่ายค่าไฟแพง ซัด “ประยุทธ์” ทำ “เศรษฐา”สานต่อ มีนายทุน “ไอ้โม่ง” สั่งข้างหลัง จี้รัฐบาลสั่งชะลอการรับซื้อ-ตรวจสอบเพื่อความโปร่งใส

 

 

 

 

นายศุภโชติ ไชยสัจ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลงข่าวจับตานโยบายรัฐบาล (Policy Watch) ในส่วนของกระทรวงพลังงาน คือนโยบายการรับซื้อพลังงานหมุนเวียนที่เต็มไปด้วยความไม่โปร่งใส พร้อมระบุว่า สถานการณ์ปัจจุบันในภาคพลังงานล่าสุด จากที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีการประกาศรับฟังความคิดเห็นกรณีค่าไฟที่เป็นไปได้ในช่วงเดือนมกราคม 2567 มีความเป็นไปได้ที่ค่าไฟอาจจะพุ่งขึ้นไปถึง 4.68 บาทต่อหน่วยในกรณีที่เลวร้ายน้อยที่สุด ส่วนในกรณีที่เลวร้ายที่สุดอาจขึ้นไปแตะถึง 6 บาทต่อหน่วย

 

 

 

 

ทั้งนี้ สิ่งที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เพิ่งแถลงไปถึงการลดค่าไฟเหลือ 3.99 บาทว่า เป็นผลงานรัฐบาล จึงเป็นเพียงการยืดหนี้โดยไม่มีมาตรการรองรับ เล่นกับความคาดหวังของประชาชนว่า เชื้อเพลิงจะมีราคาลดลง ทำให้ก้อนหนี้ที่หน่วยงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) แบกอยู่จะลดลงไปด้วย แล้วรัฐบาลจะสามารถคงราคาค่าไฟอยู่ที่ 3.99 บาทต่อหน่วยได้ต่อไป แต่ในความเป็นจริงทุกอย่างสวนทาง ราคาเชื้อเพลิงโลกเพิ่มสูงขึ้น ก้อนหนี้ที่แบกอยู่ก็ขยายขึ้นไปด้วย เราจึงได้เห็นราคาค่าไฟที่อาจขึ้นไปแตะถึง 6 บาทต่อหน่วยในกรณีที่เลวร้ายที่สุด

 

 

 

พรรคก้าวไกลย้ำมาเสมอว่า รัฐบาลจำเป็นต้องแก้ไขที่โครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติ หยุดการนำของแพงมาให้ประชาชนแล้วนำของถูกให้เอกชน การแก้ไขสัญญาซื้อขายไฟฟ้าเพื่อลดค่าความพร้อมจ่าย หยุดเอาเงินของประชาชนไปให้กลุ่มทุนฟรีๆ ไปสร้างโรงไฟฟ้าที่สร้างมาแล้วไม่ได้เดินเครื่อง แต่ที่ผ่านมารัฐบาลกลับไม่มีความพยายามแก้ไขอย่างจริงใจ

 

 

 

ซ้ำยังสานต่อปัญหาเดิม สร้างปัญหาใหม่ ปล้นคนไทยให้จ่ายค่าไฟแพงขึ้น พลเอกประยุทธ์เป็นคนคิด นายเศรษฐามาสานต่อ โดยรับคำสั่งมาจากกลุ่มทุนไอ้โม่งกลุ่มหนึ่ง ขณะเดียวกัน นายศุภโชติ มีจิ๊กซอว์อยู่ 5 อย่าง ที่กำลังนำพาประชาชนคนไทยให้ไปจ่ายค่าไฟที่แพงขึ้น คือ

 

 

1) ย้อนกลับไปวันที่ 10 ตุลาคม 2566 กรณีศาลปกครองมีคำสั่งทุเลาชั่วคราวการรับซื้อพลังงานหมุนเวียนพลังงานลม 1,500 เมกะวัตต์ เป็นการชั่วคราว เนื่องจากมีบริษัทเอกชนรายหนึ่งได้ยื่นร้องต่อศาลว่า กกพ. ได้ออกประกาศรับซื้อพลังงานหมุนเวียนอาจไม่ชอบด้วยกฎหมาย

2) พรรคก้าวไกลตรวจสอบข้อเท็จจริงนี้ และได้นำมาสู่การตั้งกระทู้สดของ นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในวันที่ 26 ตุลาคม 2566 แต่นายกรัฐมนตรีปฏิเสธการตอบกระทู้สดด้วยตนเอง

3) หากจะโยนทุกอย่างไปที่รัฐบาลเศรษฐาก็อาจจะไม่ถูกเสียทีเดียว เพราะโครงการรับซื้อพลังงานหมุนเวียนกว่า 5 พันเมกะวัตต์ เป็นผลงานทิ้งทวนของรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ออกมติเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2565 โดยมีวัตถุประสงค์เพิ่มการซื้อพลังงานสะอาด ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซื้อพลังงานหมุนเวียนเพื่อขายให้กับเอกชนที่ต้องการใช้พลังงานสะอาด

4) ประกาศระเบียบการรับซื้อที่ออกโดย กกพ. เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2565 ถูกตั้งคำถามมากมายโดยทั้งนักวิชาการและผู้ร่วมประมูลเอง ทั้งการรับประกันรายได้ที่นานถึง 25 ปี และระเบียบการรับซื้อที่ไม่ใช่การประมูลราคา แต่เป็นการให้คะแนนเชิงเทคนิคเพียงอย่างเดียว โดยไม่ได้บอกหลักเกณฑ์ว่าจะมีการให้คะแนนอย่างไรด้วย ทำให้ผู้เข้าร่วมหลายคนสงสัยว่า อาจจะเป็นการใช้ดุลพินิจตามอำเภอใจโดยปราศจากหลักเกณฑ์ในการตัดสินหรือไม่

5) ผลของการคัดเลือก ที่เกินกว่าครึ่งของทั้ง 5 พันเมกะวัตต์ที่จะรับซื้อ ถูกจัดสรรไปให้กลุ่มทุนเอกชนเพียงแค่ 2 รายเท่านั้น โครงการมูลค่าหลายแสนล้านบาท เหตุใดจึงมีการจัดสรรให้เอกชนเพียงไม่กี่รายเท่านั้น?

 

 

 

นอกจากนี้ ต้องตั้งคำถามไปที่นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน กพช. ที่มีอำนาจในการออกมติให้ทบทวนการลงนามสัญญา หรือชะลอการลงนามสัญญาออกไปก่อน อย่างน้อยเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและคลายข้อครหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น แต่ปัจจุบันเรากลับเห็นได้ว่าไม่มีการทำอะไรเลย ซ้ำยังปล่อยให้มีการลงนามสัญญาระหว่างรัฐกับเอกชนเกือบ 700 เมกะวัตต์ ทั้งที่ศาลได้มีคำสั่งระงับหรือชะลอการลงนามสัญญาออกไปก่อนแล้ว

 

 

 

นี่คือการจงใจฮั้วประมูล ซื้อขายโรงไฟฟ้าที่มีมูลค่าหลายแสนล้านบาทอยู่หรือไม่ พรรคก้าวไกลไม่ได้มีความพยายามเตะถ่วงไม่ให้เพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนในประเทศ แต่หากจะเกิดขึ้นก็ต้องมีกระบวนการที่โปร่งใสและตรวจสอบได้ เป็นโครงการที่เป็นไปเพื่อประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง จึงขอถามถึงนายกรัฐมนตรีว่าในเมื่อกระบวนการรับซื้อพลังงานหมุนเวียนนี้ มีปัญหา ส่อทุจริต และไม่โปร่งใสอย่างชัดเจนเช่นนี้ นายกรัฐมนตรีจะใช้อำนาจที่มีในการทบทวน ตรวจสอบ และชะลอ หรือกระทั่งยับยั้งการลงนามสัญญาหรือไม่

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

 

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube