ชัยวัฒน์ นําทีมลงพื้นที่ตรวจสอบ ที่ดิน ส.ป.ก. รุกเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ พบหมุด 4 จุด และการถมหินสร้างเขื่อน ยัน!ไม่ต้องการชนะใคร ต้องการความถูกต้องเท่านั้น
วันนี้(1 มี.ค. 67) นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ พร้อมด้วย นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ห้วหน้าผู้ตรวจราชการ กระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจปฏิบัติการพิเศษผู้พิทักษ์อุทยานแห่งชาติและสัตว์ป่า (พญาเสือ) ร่วมกันนําเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ภายในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เพื่อตรวจสอบที่ดิน ส.ป.ก. ที่มีการรุกลํ้าเข้ามาในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ตนจะนําเจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบให้เห็นว่าพื้นที่ที่เกิดข้อพิพาทอยู่ตอนนี้นั้นทาง ส.ป.ก. มีการบุกรุกเข้ามาในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่จริงหรือไม่ เพื่อให้สังคมได้เห็นว่าเจ้าหน้าที่รัฐมีการไปจับมือกับนายทุนเพื่อออกที่ดิน ส.ป.ก. จํานวน 8 แปลง รวม 29 ไร่ ซึ่งก่อนหน้านี้มีโทรศัพท์ติดต่อมาหาตนบอกจะมีการจบเรื่องด้วยการคืนพื้นที่ให้ทั้งหมดรวมถึงพื้นที่ที่ซ้อนทับก็จะจบแบบไม่มีปัญหา แต่พอมีการออกมาแถลงว่ากรมแผนที่ทหารยืนยันแล้วว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นของ ส.ป.ก. ตนเองจึงขอยืนยันว่าจะไม่ยอมอย่างแน่นอนและต้องได้ที่คืนทั้งหมด
หลังจากนั้น นายชัยวัฒน์ ได้นําทีมลงพื้นที่ไปยังพื้นที่ที่เกิดข้อพิพาท พร้อมเดินตรวจสอบจุดที่มีการปักหมุดของ ส.ป.ก. รวม 4 หมุด ที่เจอในตอนนี้ โดยพบว่ามีการปักหมุดข้ามเส้นทางของแม่นํ้าลําตะคอง ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่สามารถกระทําได้ อีกทั้งยังพบว่ามีการใช้เครื่องจักรในการขุดแนวดินและนําหินมาทิ้งในแม่นํ้าเพื่อกั้นเป็นแนวเขื่อน ซึ่งไม่แน่ชัดว่ากระทําเพื่อการใด
ซึ่งเจ้าหน้าที่พบเส้นทางที่เชื่อมต่อกับโรงแรมหรือรีสอร์ทในพื้นที่ดังกล่าว คาดอาจเป็นการใช้ประโยชน์ด้านธุรกิจหรือไม่ รวมถึงมีการพ่นสเปย์ลูกศรสีแดง คาดว่าเป็นสัญลักษณ์ในการชี้บอกจุดปักหมุดอีกด้วย
ด้าน นายชีวะภาพ ห้วหน้าผู้ตรวจราชการ ทส. ระบุว่า พื้นที่ ส.ป.ก. มีไว้เพื่อให้เกษตรกรใช้ประโยชน์อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งการจะออกโฉนดที่ดิน ส.ป.ก. 4-01 จะต้องออกให้เกษตรกรที่ลงทะเบียนไว้จริงๆ ซึ่งมีเงื่อนไขคือ ที่ดินนั้นต้องเป็นพื้นที่ป่ารกร้าง ไม่สุ่มเสี่ยงหรือเป็นพื้นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า และต้องมีความลาดชันไม่เกิน 45 องศา
ซึ่งจุดที่ตรวจสอบมองด้วยตาเปล่าก็รู้ว่าเป็นภูเขาที่ไม่สามารถทําการเกษตรได้ โดยหมุดทั้งหมดที่เจอนั้น เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จะเก็บรวบรวมเป็นพยานหลักฐาน เพราะถือเป็นการแสดงเจตนารมณ์ในการยึดถือและครอบครองพื้นที่ป่า เพราะเชื่อว่าเป็นการกระทําที่ไม่เป็นไปตามระเบียบและกฎหมาย โดยยืนยันว่าการลงพื้นที่ในวันนี่ไม่ใช่การกลั่นแกล้ง เป็นการปฏิบัติตามหน้าที่เท่านั้น
นอกจากนี้ นายชัยวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนทราบว่าผู้ใหญ่บ้านและลูกเขย ซึ่วไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่เกิดขอพิพาทถูกต่อว่าเรื่องที่เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบในวันนี้ ตนจึงอยากชี้แจงว่าทั้งคู่ไม่ใช่คนร้องเรียนแต่เจ้าหน้าที่ได้ข้อมูลมาจากคนภายในของ ส.ป.ก.โคราช ที่นําข้อมูลว่ามีการออกแปลงที่ดินโดยมิชอบ ซึ่งตนมาปฏิบัติตามหน้าที่และยืนยันว่าไม่ต้องการเอาชนะใคร ต้องการแค่ความถูกต้องเท่านั้น
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
