พฐ. พบร่องรอยทําลายหลักฐานและเคตามีน 500 กรัม บ้านต้องสงสัยคดีฆ่าชายชาวไต้หวัน ตร. ระบุผู้ต้องสงสัย 5 คน เดินทางออกนอกประเทศแล้ว
วันนี้(26 ก.พ. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากกรณีช่วงบ่ายวานนี้ พบศพชายชาวไต้หวัน ถูกจ่อยิงเสียชีวิตและนําร่างมาทิ้งไว้บริเวณริมถนนสุวรรณภูมิสาย 4 ใกล้กับโรงคัดแยกขยะของสนามบินสุวรรณภูมินั้น
ล่าสุดเมื่อช่วงกลางดึกคืนที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สุวรรณภูมิ และ สน.โคกคราม พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบบ้านหลังหนึ่ง ย่านลาดปลาเค้า หลังสงสัยว่าเป็นจุดเกิดเหตุ ก่อนที่จะนำร่างของผู้เสียชีวิตไปทิ้งหมกไว้
สอบถามเพื่อนบ้าน เล่าว่า เมื่อเวลาประมาณ 02.00 ตนเห็นรถยนต์ของเจ้าของบ้านขับเข้ามา ในลักษณะตื่นตระหนก จากนั้นเห็นว่าผู้เสียชีวิตได้ขี่รถจักรยานยนต์ตามเข้ามา ก่อนที่ทั้งสองคนจะเข้าไปภายในบ้าน ต่อมามีชายอีก 2 คน ขับรถยนต์เข้ามา
ซึ่งทั้งสองคนได้ลากกระเป๋าเดินทางขนาดประมาณ 16 นิ้ว เข้าไปภายในบ้าน จากนั้นได้ยินเสียงคนพูดคุยกันเป็นภาษาจีน และมีการเข้าออกบ้านตลอดเวลา กระทั่งเวลาประมาณ 03.00 น. ได้ยินเสียงดังคล้ายปืนดังขึ้น 1 นัด ถัดมาอีกประมาณ 15 นาที ก็ได้ยินเสียงคล้ายปืน ดังขึ้นมาอีก 1 นัด ทำให้ตนเองรู้สึกหวาดกลัวจึงรีบกลับเข้าไปในบ้านและไม่เห็นเหตุการณ์อะไรอีกเลย
โดยเพื่อนบ้านคนดังกล่าวให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าตนเองเป็นนักธุรกิจ ที่เพิ่งกลับมาจากการทำธุรกิจที่เขตปกครองพิเศษฮ่องกงและพักอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้มานานเกือบ 10 ปี ทราบเพียงว่าบ้านหลังที่เกิดเหตุนั้นมีเจ้าของเป็นผู้หญิงชาวไทยและที่ผ่านมาไม่เคยเห็นชายกลุ่มนี้มาก่อนเลย
ด้าน พล.ต.ต. วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบภายในบ้านพักหลังดังกล่าว พบเคตามีน น้ำหนักประมาณ 500 กรัม และยังพบว่าภายในบ้านมีบางจุดที่มีลักษณะใช้สารเคมีพยายามทำลายพยานหลักฐาน และจะต้องมีการตรวจสอบว่าชายคนดังกล่าวที่นำกระเป๋าเดินทางเข้ามานั้นได้มีการวางแผนและเตรียมการมาเพื่อจะฆาตกรรมมาก่อนหรือไม่ เบื้องต้นพบบุคคลที่ต้องสงสัยแล้วอย่างน้อยแล้วจํานวน 5 คน ซึ่งทั้ง 5 คนได้เดินทางหลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว
สำหรับผู้เสียชีวิต จากการตรวจสอบพบมีหมายจับในประเทศไต้หวัน คดีปล้นและครอบครองอาวุธปืน โดยหลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะขยายผลต่อว่าผู้เสียชีวิตนั้นมีความเกี่ยวข้องกับแก๊งยากูซ่าหรือมาเฟียต่างประเทศหรือไม่รวมถึงเร่งหาสาเหตุการก่อเหตุในครั้งนี้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
