fbpx
Home
|
อาชญากรรม

DSI ส่งเพิ่มอีก 2 สำนวนหมูเถื่อน 161 ตู้ ให้ ป.ป.ช.

Featured Image
DSI ส่งเพิ่มอีก 2 สำนวนหมูเถื่อน 161 ตู้ ให้ ป.ป.ช. ไต่สวนเอาผิด หลังพบ จนท.รัฐ 2 หน่วยงาน ร่วมวงทุจริต เอื้อนำเข้าท่าเรือแหลมฉบัง

 

 

 

วันนี้ (19 ม.ค. 67) ที่ อาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ ภายหลังจากเมื่อวันที่ 13 พ.ย.66 คณะพนักงานสอบสวนคดีหมูเถื่อน ได้ดำเนินการในคดีพิเศษที่ 101/2566 ตรวจสอบบริษัท กู๊ด วอเตอร์ อีควิปเม้นท์ จำกัด และคดีพิเศษที่ 104/2566 ตรวจสอบบริษัท อาร์.ที.เอ็นโอเวอร์ซี จำกัด ซึ่งทั้ง 2 คดีเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเดือน ต.ค.65 – เดือน พ.ย.65 และได้รวบรวมพยานหลักฐาน สืบสวน สอบสวน ขยายผล จนพบผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำความผิดเพิ่มเติมซึ่งไม่ได้มีเพียงกรรมการผู้มีอำนาจลงนามของบริษัท

 

แต่ยังมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้ามาเกี่ยวข้องในการทุจริตขบวนการลักลอบนำเข้าตู้หมูเถื่อน 161 ตู้ และเมื่อรวบรวมพยานหลักฐานเพียงพอ จึงได้สรุปสำนวนพร้อมความเห็นเสนอ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รรท.อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อตรวจสอบสำนวนและพิจารณา ก่อนมีความเห็นสั่งฟ้อง และได้มอบหมายให้ ร.ต.อ.ชาญณรงค์ ทับสาร รอง ผอ.กองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค และในฐานะเลขานุการคดีหมูเถื่อน นำแฟ้มสำนวนทั้ง 2 คดีดังกล่าว

 

ส่งให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) เพื่อดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง ในฐานความผิด 3 ข้อกล่าวหา ได้แก่ หลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียอากรโดยเจตนาจะฉ้ออากรที่ต้องเสียสำหรับของนั้น ๆ ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 มาตรา 243 , หลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงข้อจำกัดหรือข้อห้ามอันเกี่ยวกับของนั้น ๆ ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 มาตรา 244 , นำเข้า ส่งออก หรือนำผ่านราชอาณาจักรซึ่งสัตว์หรือซากสัตว์ โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากอธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายอันเป็นความผิดตามมาตรา 31 แห่ง พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 ประกอบมาตรา 68 และมาตรา 83 ตามประมวลกฎหมายอาญา

โดย ร.ต.อ.ชาญณรงค์ ทับสาร รอง ผอ.กองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค และในฐานะเลขานุการคดีหมูเถื่อน เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่คณะพนักงานสอบสวนได้ทำการขยายผลจากคดีพิเศษที่ 59/2566 จึงพบว่านอกจากบริษัทชิปปิ้งเอกชน ยังมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาเกี่ยวข้องอีกด้วย จึงได้ทำการสืบสวน สอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน และทำการสรุปสำนวน มีมติเห็นควรแจ้งข้อกล่าวหาและนำส่งทั้ง 2 สำนวนคดี ได้แก่ คดีพิเศษที่ 101/2566 และคดีพิเศษที่ 104/2566 ให้สำนักงาน ป.ป.ช. ไต่สวนข้อเท็จจริง โดยในวันนี้แฟ้มสำนวนคดีมี จำนวน 2 ลัง เอกสารกว่า 6,000 แผ่น

 

โดยมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้ามาเกี่ยวข้อง 2 หน่วยงาน เบื้องต้นพบจำนวน 3 ราย ที่มีความผิดชัดเจน แต่ดีเอสไอไม่ขอเปิดเผยว่าเป็นบุคคลใดบ้าง ขอให้เป็นอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช. ดำเนินการตามขั้นตอน ส่วนพฤติการณ์ที่เจ้าหน้าที่ของรัฐเข้ามาเกี่ยวข้องนั้น คณะพนักงานสอบสวนพบว่าเจ้าหน้าที่รัฐดังกล่าวมีพฤติกรรมทุจริตตั้งแต่ขั้นตอนการนำเข้าสินค้าและการออกสินค้า ณ ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี ทั้งยังเกี่ยวข้องในส่วนของพิธีการทางศุลกากร มีอำนาจในการใช้ดุลพินิจต่อการดำเนินการในส่วนต่างๆ

 

ร.ต.อ.ชาญณรงค์ เผยอีกว่า สำหรับพฤติกรรมการทุจริตเรื่องเงินของเจ้าหน้าที่รัฐทั้ง 2 หน่วยงานนั้น พบว่ามีการรับเงินจริง ในจำนวนหลักสิบล้านบาท ส่วนเรื่องรายละเอียดเชิงลึกภายในสำนวนและกรอบระยะเวลาในการตรวจสำนวนคดี ขอให้เป็นการดำเนินการของ ป.ป.ช. นอกจากนี้ ตนจะเดินทางไปสอบถามถึงความคืบหน้าในส่วนของสำนวนคดีแรกที่ก่อนหน้านี้ได้ส่งให้ ป.ป.ช. เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ของรัฐกว่าสิบรายเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะเราต้องการให้การดำเนินงานมีความต่อเนื่อง ซึ่งในสำนวนมีทั้งพฤติกรรมที่เห็นอย่างชัดเจนและที่ถูกกล่าวพาดพิง ดีเอสไอจึงต้องแยกพฤติการณ์ของแต่ละรายให้ ป.ป.ช. ได้พิจารณา

 

ร.ต.อ.ชาญณรงค์ เผยต่อว่า ในสัปดาห์หน้าคณะพนักงานสอบสวนจะมีการประชุมพิจารณาในประเด็นของการจะเชิญบุคคลใดบ้างเข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติม ในกรณีของการนำเข้าสินค้าทางการเกษตรไม่ว่าจะเป็นเนื้อหมู เนื้อวัว หรือชิ้นส่วนไก่ ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะมีการพิจารณาเชิญข้าราชการระดับสูงของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เข้าชี้แจงในประเด็นที่พนักงานสอบสวนต้องการข้อมูล รวมถึงหารือในประเด็นอื่นๆเพิ่มเติม อาทิ การกำหนดกลุ่มเป้าหมายใหม่ที่คาดว่ามีส่วนร่วมในการกระทำความผิดนำเข้าตีนไก่และส่งจำหน่ายยังต่างประเทศ

 

ซึ่งพนักงานสอบสวนจะได้มีการวางแนวทางในการสอบสวนต่อไป เนื่องจากหากพิจารณาจากพฤติการณ์ของสองสามีภรรยา นายหยาง ยา ซุง และ น.ส.นวพร เชาว์วัย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา กลุ่มเดียวกับเฮียเก้า หรือนายหลี่ เซิ่งเจียว ที่ มีการลักลอบนำเข้าตีนไก่จากต่างประเทศและมีการเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ ก่อนสวมสิทธิ์จำหน่ายไปยังประเทศจีน จากการสืบสวนพบว่ายังมีกลุ่มที่มีลักษณะประมาณนี้ 3-4 กลุ่ม โดยมีแผนประทุษกรรมคล้ายกัน รวมทั้งพนักงานสอบสวนได้มีการสืบจากเส้นทางการเงินจึงพบว่ายังมีบุคคลใดอีกที่จะเข้ามาเกี่ยวข้อง

 

ร.ต.อ.ชาญณรงค์ เผยด้วยว่า ในส่วนของการหลบหนีอยู่ที่ต่างประเทศของสองพ่อลูก นายหลี่ เซิ่งเจียว หรือเฮียเก้า และนายกรินทร์ ล่าสุดทั้งคู่ยังไม่ได้มีการประสานวันที่และเวลาในการเข้ามอบตัวกับดีเอสไอแต่อย่างใด แต่เราก็ได้มีการประสานความร่วมมือกับกองกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ (กตท.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อร่วมพิจารณาในการขอออกหมายแดง (Red Notice) ถ้าหากทั้งคู่จะไม่กลับเข้ามายังประเทศไทยเข้าสู่กระบวนการทางคดี เพราะมีหมายจับของศาลอาญาอยู่แล้ว แต่เราก็จะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด อย่างไรก็ตาม ในส่วนของเอกสารข้อมูลที่ดีเอสไอประสานขอความร่วมมือไปยังกรมศุลกากรและกรมปศุสัตว์ ทั้งสองหน่วยงานให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube