fbpx
Home
|
อาชญากรรม

ดีเอสไอ บุกค้น 3 จุด รวบขบวนการอุ้มบุญ

Featured Image
ดีเอสไอ บุกค้นขบวนการอุ้มบุญเถื่อน เชื่อมโยงนายหน้าต่างชาติส่งออกเด็ก -? พบแม่อุ้มบุญส่วนใหญ่เป็นหญิงภาคอีสาน รับจ้างทำต่อครั้งไม่ต่ำกว่า 5 แสนบาท

 

 

 

วันนี้ (1 ก.ย. 66) นายอัษฏาวุธ ศรีปิตา ผู้ช่วยโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย ร.ต.อ.ทินวุฒิ สีละพัฒน์ ผู้อำนวยการกองกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ แถลงผลการตรวจค้นและจับกุมขบวนการคดีอุ้มบุญข้ามชาติ หลังจากที่ดีเอสไอได้ร่วมกับกรมสนับสนุนทางการแพทย์ และตำรวจในพื้นที่ร่วมกันตรวจค้นสถานพยาบาล 3 แห่งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร นัดเจอเด็ก 6 คนที่เตรียมตัวส่งไปประเทศจีนเร็วๆนี้ พร้อมทั้งจับกุมสามีของนายหน้าหญิงกระบวนการอุ้มบุญได้ซึ่งเบื้องต้นได้พาตัวไปสอบสวนและส่งตัวไปขออำนาจศาลฝากทางแล้ว

 

 

ร.ต.อ.ทินวุฒิ กล่าวว่า กลุ่มนี้จะร่วมกันทำเป็นขบวนการ ตั้งแต่นายหน้าที่อยู่ต่างประเทศ ว่าจ้างนายหน้าในประเทศไทยให้ตามหาหญิงไทยที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมต่อการอุ้มบุญ ซึ่งเน้นไปที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นส่วนใหญ่ เมื่อได้คนที่ต้องการแล้วจะพาตัวไปฉีดอสุจิที่ผนังมดลูก เมื่อติดแล้วจะพาตัวกลับมาส่งที่ไทย โดยมีกลุ่มพี่เลี้ยงเด็กเป็นผู้ดูแล ซึ่งในระหว่างนั้นที่ตั้งครรภ์อยู่นั้นจะมีบุคลากรทางการแพทย์ คอยตรวจครรภ์เป็นการพิเศษ รวมทั้งหมดนี้เป็นขบวนการเดียวกัน จึงคาดว่าค่าใช้จ่ายต่อการอุ้มบุญ 1 ครั้งนั้นไม่ต่ำกว่า 500,000 บาท โดยตอนนี้ยังมีผู้ต้องหาอีก 2 คน คือนายพิเชษฐ์ และนางสาวนริศราที่อยู่ระหว่างการหลบหนี

 

สำหรับกระบวนการในการทำใบสูติบัตรเด็ก เพื่อการขอทำพาสปอร์ตเด็กในการส่งตัวไปต่างประเทศนั้น อยู่ระหว่างการขยายผลว่ามีบุคคลที่เกี่ยวข้องระบบดำเนินการด้วยหรือไม่ และเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเฝ้าระวังเลขพาสปอร์ตในการเคลื่อนย้ายเด็กออกนอกประเทศอย่างผิดกฎหมาย

 

ส่วนสถานพยาบาลทั้ง 3 แห่ง ที่ไปตรวจค้นนั้นพบว่า มีลักษณะเป็นนอมินี โดยมีคนไทยเป็นผู้ขอใบอนุญาตประกอบการอย่างถูกกฎหมาย แต่มี 1 แห่ง ที่พบว่าไม่มีการขอใบอนุญาตเปิดสถานพยาบาลที่ถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งนี้สถานพยาบาลทั้ง 3 แห่งนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกันที่ตัวบุคคลโดยตรง แต่บุคลากรในแต่ละสถานพยาบาลนั้นมีการสับเปลี่ยนหมุนเวียนไปทำงานในแต่ละที่ เช่น การตรวจครรภ์ การคลอด การรักษาและการดูแล ซึ่งจากการเข้าตรวจค้นพบหลักฐานว่าทั้ง 3 สถานพยาบาลมีการเชื่อมโยงกันจริง

 

 

ทั้งนี้ พบผู้ว่าจ้างที่เกี่ยวข้องมีมากกว่า 10 ประเทศทั่วโลก และตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นมา มีเด็กที่เกิดจากการอุ้มบุญมาแล้วเกือบ 100 คน ซึ่งเด็กส่วนใหญ่นั้นส่วนมากจะอยู่ตามพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และมีบางส่วนอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ แต่หลังจากที่เจ้าหน้าที่ไปทำการตรวจค้นแล้ว คาดว่ากระบวนการนี้จะมีการเคลื่อนย้ายเด็กไปยังพื้นที่อื่น ๆ

 

 

ร.ต.อ.ทินวุฒิ กล่าวอีกว่า เด็กที่คลอดออกมาสมบูรณ์จะถูกส่งกลับไปให้กับผู้ว่าจ้าง ส่วนเด็กที่คลอดออกมาแล้วร่างกายไม่สมบูรณ์ ก็จะถูกทอดทิ้งตามยถากรรม แต่อย่างไรก็ตาม ก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเด็กที่คลอดออกมาแล้วร่างกายสมบูรณ์ จะได้กลับไปอยู่กับครอบครัวที่ว่าจ้างอย่างอบอุ่นจริงหรือไม่

 

ทั้งนี้ ทั้งผู้ว่าจ้างและรับผู้จ้าง มีความผิดในฐาน ร่วมกันดำเนินการให้ตั้งครรภ์แทนเพื่อมีประโยชน์ทางการค้า และการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติโดยสมคบกัน

 

สำหรับเป้าหมายของขบวนการอุ้มบุญ จากการรวบรวมพยานหลักฐาน พบความเป็นไปได้ 2 กรณี กรณีแรกเกิดจาก พ่อและแม่ชาวต่างชาติต้องการอยากมีลูกจริง ๆ จึงเลือกวิธีนี้ ส่วนกรณีที่ 2 คือ ผู้ว่าจ้างต้องการเด็กที่มีสายเลือดของตนเอง เพื่อที่จะนำไปผ่าตัดเปลี่ยนถ่ายอวัยวะกับผู้ว่าจ้าง

 

ทั้งนี้ ที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ภายในประเทศไทยอยู่บ่อยครั้งเป็นเพราะว่า ประเทศไทยมีชื่อเสียงในเรื่องของระบบสาธารณสุข และมีมาตรฐานทางการแพทย์ที่สูง กลุ่มทุนธุรกิจจึงมองเห็นช่องว่างและประโยชน์จากช่องทางนี้

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube