ตำรวจ สภ.บางปู เร่งแกะรอยล่าโจรเจาะตู้เซฟ ย่องเข้าบ้านนักธุรกิจ กวาดทรัพย์สินรวมกว่า 2 ล้านบาท
วานนี้ (26 เม.ย. 66) พ.ต.อ.พิสุทธิ์ จันทรสุวรรณ ผกก.สภ.บางปู สั่งให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่หาเบาะแสคนร้ายบุกเข้าไปโจรกรรมทรัพย์สินของนางรวิภัทร อายุ 31 ปี นักธุรกิจ ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งใน จ.สมุทรปราการ กวาดทรัพย์สินมีค่าหลายรายการ ไม่ว่าจะเป็น นาฬิกาแบนด์เนม เครื่องประดับ เพชร ทองคำ และสิ่งของมีค่าอื่นๆ รวมมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท
นางรวิภัทร เจ้าของบ้านเปิดเผยว่า ตนเองเป็นเจ้าของบริษัททำธุรกิจเกี่ยวกับการประมูลเก็บเศษเหล็กตามโรงงานอุตสาหกรรม ก่อนเกิดเหตุตนและครอบครัวเดินทางไปพักผ่อนต่างจังหวัดหลายวันตั้งแต่วันที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยมีแม่บ้านคอยมาทำความสะอาดให้สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ล่าสุด วันที่ 9 เม.ย. แม่บ้านเข้ามาทำความสะอาด ยังพบว่าทุกอย่างปกติ ส่วนสัปดาห์ต่อมาไม่ได้มาเพราะมีอาการป่วย กระทั่งครบกำหนดมาทำความสะอาดอีกครั้งคือวันที่ 23 เม.ย. แม่บ้านพบสิ่งผิดปกติ คือประตูครัวหลังบ้านไม่ได้ล็อก ภายในบ้านถูกรื้อค้น ตู้เซฟในห้องถูกงัด หลังรับโทรศัพท์จากแม่บ้านจึงรีบมาทันที ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าคนร้ายงัดตู้เซฟเอาทรัพย์สินไปทั้งหมด จากนั้นจึงเดินทางไปแจ้งความที่ สภ.บางปู เพื่อติดตามตัวคนร้าย
นางรวิภัทร์ กล่าวต่ออีกว่า จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดของหมู่บ้านวันที่ 10 เม.ย.เวลา 01.44 น.พบคนร้ายเป็นชาย 1 คน สวมเสื้อแขนยาวคลุมศีรษะสีดำ สวมแมสก์สีดำปิดบังใบหน้าและสวมถุงมือ ปีนข้ามรั้วกำแพงของหมู่บ้านก่อนเดินเลาะรั้วปีนเข้าไปในบ้านของตนเอง เพื่อเข้าไปดูลาดเลาแล้วปีนหน้าต่างห้องน้ำชั้นสอง ใช้เวลาสำรวจภายในบ้านนานเกือบครึ่งชั่วโมง
ก่อนกลับออกไปในเวลา 02.25 น. และต่อมาในวันเดียวกันเวลา 20.11 น. คนร้ายย้อนกลับเข้ามาในบ้านอีกครั้ง นำเครื่องมือเข้าไปโจรกรรมงัดตู้เซฟ ลักษณะอุปกรณ์ที่ใช้น่าจะเป็นแก๊สใช้ความร้อนเจาะตู้เซฟ นอกจากนี้คนร้ายยังถอดฮาร์ดดิสก์กล้องวงจรปิดภายในบ้านอีกด้วย ใช้เวลาลงมือนานกว่า 4 ชั่วโมง โดยปกติหมู่บ้านแห่งนี้มีทางเข้าออกอยู่ทางเดียว มี รปภ.ตลอด 24 ชม. จึงมั่นใจว่าคนร้ายต้องเป็นมืออาชีพแน่นอน
ด้าน พ.ต.อ.พิสุทธิ์ จันทรสุวรรณ ผกก.สภ.บางปู เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุตำรวจลงพื้นที่แกะรอยคนร้าย โดยเฉพาะกล้องวงจรปิดในละแวกที่เกิดเหตุ ติดปัญหาสำคัญคือระยะเวลาก่อเหตุของคนร้ายพบว่าก่อเหตุคือวันที่ 10 เม.ย. แต่ผู้เสียหายทราบเรื่องวันที่ 23 เม.ย. ล่วงเลยเวลามาหลายวัน ทำให้การตรวจสอบวงจรปิดในบางจุดทำได้ยากเนื่องจากข้อมูลถูกบันทึกทับหรือลบไปแล้ว แต่ได้กำชับฝ่ายสืบสวนให้เร่งไล่ล่าตัวคนร้ายรายนี้ให้ได้โดยเร็ว เบื้องต้นเชื่อว่าน่าจะเคยก่อเหตุลักษณะนี้มาหลายครั้ง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
