Home
|
อาชญากรรม

พนง.ท่าเรือฯ เร่ง DSI หวั่นพยานหลักฐานถูกทำลาย

Featured Image
พนง.ท่าเรือฯ เร่ง DSI นำคดีฟอกเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 4 พันล้านเป็นคดีพิเศษ หลัง ป.ป.ช.รับคดีจาก ปปป. หวั่นพยานหลักฐานถูกทำลาย

 

 

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) แจ้งวัฒนะ กทม. นายกฤษฎา อินทามระ ทนายความ พร้อม ด้วย พนักงานการท่าเรือที่เป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ร่วม 100 คนเดินทางมายื่นหนังสือถึง อธิบดี DSI เพื่อขอให้เร่งรัดเรื่องสืบสวนของศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินจำนวนกว่า 4 พันล้านบาท โดยมีนายสมเกียรติ เพชรประดับ ผอ.ส่วนพิจารณาสำนวนร้องทุกข์ ดีเอสไอ.เป็นตัวแทนรับหนังสือ

 

นายกฤษฎา กล่าวว่า สืบเนื่องจาก เดือนกรกฎาคม 2565 ตนซึ่งเป็นทนายความของพนักงานการท่าเรือแห่งประเทศไทยได้ยื่นหนังสือต่ออธิบดี DSI ร้องเรียนการบริหารงานของการท่าเรือแห่งประเทศไทย และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพพนักงานการท่าเรือแห่งประเทศไทย เข้าข่ายความผิดฐานฟอกเงินซึ่งเป็นเงินประเดิมและบำเหน็จตกทอดของสมาชิกกองทุนมูลค่าความเสียหายกว่า 4,000,000,000 บาท (สี่พันล้านบาท)

 

ต่อมา วันที่ 22 กันยายน 2565 อธิบดี DSI ได้อนุมัติให้ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินทางอาญาเป็นหน่วยงานผู้รับผิดชอบดำเนินการสืบสวน เรื่องสืบสวนที่ 190/2565 เนื่องจากปมปัญหาเดียวกันนี้ ทนายกฤษฎาก็ได้พาผู้เสียหายหลายคนไปแจ้งความดำเนินคดีกับผู้บริหารระดับสูงกับพวกในข้อหาปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต เกี่ยวกับเงินประเดิมและเงินบำเหน็จตกทอดมูลค่ากว่า 4,000,000,000 บาท(สี่พันล้านบาท) อีกทางหนึ่งด้วย โดยแจ้งความไว้ที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ( บก.ปปป.)

 

จากนั้น ในเดือนพฤศจิกายน 2565 บก.ปปป.ส่งเรื่องให้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พิจารณาเห็นควรให้ตั้งเรื่องกล่าวหาเป็นคดีและมีคำสั่งให้ผู้กล่าวหาไปให้ถ้อยคำต่อพนักงานไต่สวนในวันที่ 5 เมษายน 2566

 

ตนจึงเห็นว่าคดีสืบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ และคดีกล่าวหาของสำนักงาน ป.ป.ช.เป็นคดีที่เกี่ยวเนื่องกันและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำความผิดมีความเชื่อมโยงกัน จึงมาขอให้อธิบดี DSI เร่งพิจารณาและส่งเรื่องเข้าที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษว่าจะรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ เพื่อจะได้ตรวจสอบเส้นทางการเงินและป้องกันไม่ให้ผู้กระทำความผิดไปทำลายพยานหลักฐานอาจทำให้เกิดความเสียหายแก่รูปคดีได้

 

นายเมธี สามารถกิจ อายุ 68 กล่าวว่า เข้ากองทุนฯ แล้วปรากฎว่าไม่ได้รับบำเหน็จตกทอด 30 เท่าประมาณ 1 ล้านบาท แต่ยังไม่ได้รับ ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่หลังเกษียณอัตคัต เพราะไม่มีเงินตรงนี้มาทำทุน

 

ทางด้าน นางเพ็ญนภารัตน์ ปานสมัย อายุ 67 ปี อดีต หน.แผนกกีฬา การท่าเรือฯ อ้างว่า ถูกหลอกเข้ากองทุนฯ แต่ตอนออกมากลับไม่ได้รับเงินตามที่แจ้งไว้ เงินประเดิมแรกเข้าประมาณ 2 ล้านบาท ส่วนบำเหน็จตกทอด 30 เท่าเงินเดือน 6.9 หมื่นบาท คำนวนหายไปกว่า 4 ล้าน ได้รับจริงหลังเกษียณแค่ 2 ล้าน รวมแล้วถูกโกงไปกว่า 4 ล้าน หลังจากที่รู้ว่าถูกโกง จึงได้สอบถามไปที่กองทุนฯ ขอดูเอกสารการนำส่งเงินประเดิมบำเหน็จตกทอดว่าส่งให้เราเมื่อใด ได้รับคำตอบว่า เงินบำเหน็จตกทอดได้จ่ายให้ครบหมดแล้ว ส่วนหลักฐานเอกสารได้ทำลายไปหมดอ้างว่าเกิน 10 ปี จึงได้ทำลายทิ้งไปหมดแล้ว

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube