fbpx
Home
|
อาชญากรรม

ทนายรณรงค์ พา ผู้เสียหาย ร้องกองปราบ

Featured Image
“ทนายรณรงค์” นำ ผู้เสียหาย ร้องกองปราบ หลังถูกทำร้าย แจ้งความกว่า 2 เดือน คดีไม่คืบ ยอมรับวันเกิดเหตุเมาเล็กน้อย พร้อมตั้งข้อสังเกตคู่กรณีเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่หรือไม่ เหตุใดไม่ดำเนินคดี

 

 

นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พร้อมด้วยนายภานุพงศ์ อายุ 30 ปี และนายภัทรพล อายุ 27 ปี ผู้บาดเจ็บ ซึ่งถูกวัยรุ่นในสถานบันเทิงใกล้ สภ.อำเภอดอนตูม จังหวัดนครปฐม ทำร้ายร่างกายจนโคม่านาน 8 วัน เข้าร้องขอความเป็นธรรมต่อ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. เพื่อขอความเป็นธรรมในคดี

 

นายภัทรพล หนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 พ.ค. ที่ผ่านมา ตนและพี่ชาย รวมถึงเพื่อนรวมกัน 4 คน ได้เดินทางไปรับประทานอาหารที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในอำเภอดอนตูม จังหวัดนครปฐม ในช่วงเวลาประมาณ 5 ทุ่ม ยอมรับว่ามีอาการเมาเล็กน้อย และได้เข้าไปเตือนกลุ่มวัยรุ่นคู่กรณีที่บริเวณหน้าห้องน้ำส่งเสียงดังให้เบาเสียงลง

 

แต่ยืนยันไม่ได้มีเจตนาที่จะเข้าไปหาเรื่อง ทำให้น้องที่มาด้วยกันกับตนพาตนกลับมานั่งที่โต๊ะ ก่อนที่กลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวซึ่งมีประมาณ 10 คน เดินมาหาเรื่องตนที่โต๊ะโดยได้ล็อคคอและตบหน้า หลังจากนั้นได้เกิดเหตุการณ์ชุลมุนเกิดขึ้น ก่อนจะมีการแยกย้ายกันกลับบ้าน

 

นายภัทรพล ยังบอกว่า ระหว่างที่ยืนรอรถน้องชายอีกคนมารับบริเวณหน้าร้าน กลุ่มดังกล่าวได้เข้ามารุมทำร้ายตนซ้ำอีกจนสลบไป ทำให้ได้รับบาดเจ็บบริเวณโหนกแก้มขวา และมีเลือดออกในสมอง จนต้องเข้าโรงพยาบาลมีอาการโคม่า ซึ่งตนจำเหตุการณ์อะไรไม่ได้เลย

 

ส่วนที่นำกล้วยมาด้วยในวันนี้ เพราะทางคู่อริอ้างว่าวันที่เกิดเหตุตนได้แจกกล้วยให้ ตนจึงนำมาด้วย

 

ด้านนายภานุพงศ์ พี่ชายผู้บาดเจ็บซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุ กล่าวว่า ในช่วงเกิดเหตุคนเห็นว่าน้องชายถูกทำร้ายจนสลบไปแล้ว จึงเดินไปหยิบปืนที่รถขึ้นมายิงขึ้นฟ้าเพื่อยุติเหตุการณ์เท่านั้น แต่ไม่ได้มีเจตนาที่จะเจาะจงทำร้ายใคร

 

ทั้งนี้ ยอมรับในข้อหาพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธาณะโดยไม่มีใบอนุญาต พร้อมชี้แจงสาเหตุที่ต้องพกปืนเพราะที่พักเป็นแค่เพิงไม้ ไม่มีที่เก็บมิดชิด จึงต้องนำไปเก็บในรถแต่ไม่ได้ติดตัวและไม่ได้พกไปทุกที่ โดยปืนดังกล่าวเป็นปืนที่มีทะเบียนของคุณพ่อ ซึ่งพ่อได้โอนให้ถูกต้องตามกฎหมาย

 

หลังเกิดเหตุคู่กรณีได้โทรติดต่อผ่านคนกลางเข้ามาเพื่อเจรจาค่าเสียหายเพื่อขอจบเรื่อง โดยในครั้งแรกที่น้องชายตนยังไม่ฟื้นได้เรียกค่าเสียหายไปจำนวน 1 ล้านบาท แต่ทางคู่กรณีเงียบไป ก่อนจะติดต่อกลับมาอีกครั้งในตอนน้องชายเริ่มรู้สึกตัวแต่สติยังไม่ครบถ้วนจึงได้เรียกค่าเสียหายไป 6 แสนบาท

 

และคู่กรณีติดต่อมาอีกครั้งในช่วงที่น้องชายเริ่มพูดคุยได้จึงได้เรียกไป 4 แสนบาท และล่าสุดในช่วงที่เป็นข่าวจึงเรียกค่าเสียหายแค่ 3 แสนบาทและยอมจบเรื่อง เพราะยอมรับว่าน้องชายของตนก็มีส่วนผิดที่ไปพูดจากับฝ่ายคู่กรณีก่อน จนทำให้เกิดเรื่อง

 

ด้านทนายรณณรงค์ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุผู้เสียหายได้ไปแจ้งความ สภ.ในพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 2 พ.ค. ซึ่งผ่านมากว่า 2 เดือนแล้วแต่ไม่มีความคืบหน้าทางคดี และหลังแจ้งความเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ลงเลขรับคดีให้

 

ขณะเดียวกันยังคาใจในคดีนี้อยู่หลายเรื่องในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ / ความชัดเจนในการจับคนร้ายทั้งหมด / การตามคลิปจากกล้องวงจรปิด ซึ่งตอนแรกที่ได้คุยกับผู้กำกับ สภ.ดอนตูม จะจับคนก่อเหตุเพียงคนเดียวทั้งที่มีผู้ก่อเหตุถึง 10 คน จึงตั้งข้อสงสัยว่ากลุ่มคนเหล่านี้เป็นลูกผู้มีอิทธิพลในจังหวัดหรือไม่ เหตุใดจึงไม่ดำเนินคดี

 

นอกจากนี้การที่พี่ชายผู้บาดเจ็บได้มีการยิงปืนถูกกฎหมายเพื่อยุติเหตุการณ์ แต่กลับโดนจับในคืนวันเกิดเหตุ ส่วนกลุ่มคนก่อเหตุยังไม่ได้โดนจับกุมทั้งหมดเลย จึงจำเป็นที่จะต้องมาร้องขอความเป็นธรรมและขอให้กองปราบตรวจสอบคดีนี้ว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่อย่างไร และขอให้ส่งชุดสืบสวนเข้าไปประกบคดีนี้ด้วยว่ามีคนร้ายกี่คนและทำไมถึงไม่ดำเนินการจับกุม

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube