fbpx
Home
|
ข่าว

ครม.มติแต่งตั้งขรก.การเมือง ศธ. 4 ราย

Featured Image
ครม. มติแต่งตั้งข้าราชการการเมืองของกระทรวงศึกษาธิการ จำนวน 4 ราย ตั้งแต่วันที่ 20 เม.ย. เป็นต้นไป

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอแต่งตั้งข้าราชการการเมือง จำนวน 4 ราย ดังนี้ นายสุทธิชัย จรูญเนตร ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, นายณรงค์ ดูดิง ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช), นางสาวอรพินทร์ เพชรทัต ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และนางเจิมมาศ จึงเลิศศิริ ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ปฏิบัติหน้าที่เลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช)
ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 20 เม.ย.64 เป็นต้นไป

 

ครม.เห็นชอบแผนปฏิบัติการด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยทางการแพทย์และการสาธารณสุข 2533 – 2565

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีเห็นชอบแผนปฏิบัติการด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยทางการแพทย์และการสาธารณสุข พ.ศ.2563 – 2565 เพื่อเป็นกรอบแนวทางการดำเนินงานรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินและภัยพิบัติทางธรรมชาติแบบบูรณาการที่ครบวงจรและมีเอกภาพ

โดยกระทรวงสาธารณสุขรายงานว่าที่ผ่านมาประเทศไทยได้เผชิญกับโรคและภัยพิบัติธรรมชาติอย่างรุนแรงในหลายรูปแบบ รวมถึงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติรวมถึงเป็นปัญหาทางสังคมและการเมืองของประเทศด้วย จึงได้จัดทำแผนปฏิบัติการดังกล่าว โดยได้กำหนดวิสัยทัศน์ตามแผนฯไว้ มคือ ประชาชนในพื้นที่ประสบภัยได้รับบริการทางการแพทย์และการสาธารณสุขที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และมีความมั่นใจในระบบบริการสาธารณสุขทุกระยะของการเกิดภัยอย่างทันท่วงทีในทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้นประกอบด้วย 4 ยุทธศาสตร์คือ

ยุทธศาสตร์แรก คือ ส่งเสริมการลดความเสี่ยงต่อสาธารณภัยทางการแพทย์และการสาธารณสุขที่มีมาตรฐาน, ยุทธศาสตร์ที่ 2 บูรณาการระบบและให้บริการทางการแพทย์และการสาธารณสุขในภาวะฉุกเฉินและสาธารณภัยอย่างครอบคลุมและมีประสิทธิภาพ, ยุทธศาสตร์ที่ 3 เพิ่มประสิทธิภาพการฟื้นฟูด้านการแพทย์และการสาธารณสุขหลังเกิดสาธารณภัย และยุทธศาสตร์ที่ 4 พัฒนาศักยภาพและกลไกการบริหารจัดการเชิงบูรณาการทางการแพทย์และการสาธารณสุขระหว่างประเทศในภาวะฉุกเฉินและสาธารณภัยด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม

สำหรับงบประมาณที่จะนำมาใช้ดำเนินการตามกรอบยุทธศาสตร์รวมทั้งสิ้น 588.41 ล้านบาท โดยแหล่งเงินที่จะใช้ตลอดระยะเวลาดำเนินการในปี 2563-2565 ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการจัดทำแผนงบประมาณที่สอดรับกับแผนปฏิบัติการดังกล่าวเพื่อเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของแต่ละหน่วยงานต่อไป

 

ครม.รับทราบผลการดำเนินงานของ รฟม.ในปีงบประมาณ 2563 มีผลประกอบการกำไรสุทธิ 1,819 ล้านบาท

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ว่า ที่ประชุมรับทราบผลการดำเนินงานของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม. ในปีงบประมาณ 2563 โดย รฟม. มีผลประกอบการกำไรสุทธิ 1,819.25 ล้านบาท มีรายได้ 14,876.97 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายรวม 13,057.72 ล้านบาท สามารถเบิกจ่ายงบลงทุนได้ร้อยละ 99.99 จากเป้าหมายที่ครม.กำหนดไว้ที่ร้อยละ 95

นอกจากนี้ยังมีรายได้จากธุรกิจต่อเนื่องจากรถไฟฟ้ามหานครสายเฉลิมรัชมงคลจำนวน 123.72 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมาย 2.69 ล้านบาท และสายฉลองรัชธรรม 27.51 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 2.33 ล้านบาท ผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ร้อยละ 0.90

โดยในอนาคต รฟม. มีแผนที่จะหารายได้จากธุรกิจต่อเนื่องเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 ในแต่ละปี โดยในปี 2564 จะมีรายได้ประมาณ 169 ล้านบาท และในปี 2564 และ 2565 จะมีผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ร้อยละ 0.72 และ 0.90 ตามลำดับ

ส่วนด้านการพัฒนาระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนมีผลการดำเนินการดังนี้คือ รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงหัวลำโพง-บางแคและช่วงบางซื่อ-ท่าพระ ได้เปิดให้บริการแล้ว ส่วนรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี(สุวินทวงศ์) ได้จัดกรรมสิทธิ์ที่ดินและศึกษาและวิเคราะห์โครงการตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนเสร็จแล้ว ส่วนงานก่อสร้างงานโยธามีความก้าวหน้าร้อยละ 69.82 เร็วกว่าแผนร้อยละ 2.77 คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในเดือนตุลาคม 2567

ขณะที่รถไฟฟ้าสายสีชมพูช่วงแคราย-มีนบุรี งานจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินและส่งมอบพื้นที่โครงการแล้วเสร็จ งานก่อสร้างงานโยธา ผลิตและติดตั้งงานระบบรถไฟฟ้าและงานเดินรถมีความก้าวหน้าร้อยละ 62.23 เร็วกว่าแผนร้อยละ 3.08 คาดว่าจะเปิดให้บริการในเดือนมิถุนายน 2565

ครม.เห็นชอบร่างพรบ.งบประมาณรายจ่าย 65 ตามสำนักงบประมาณเสนอ

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ซึ่งก่อนเสนอรร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายฯ ต่อ ครม. ในครั้งนี้ ได้ผ่านขั้นตอนการรับฟังความคิดเห็น ตามมาตรา 77 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 ระหว่างวันที่ 24 มี.ค.-7 เม.ย.2564 ที่ผ่านมา และได้ผ่านการตรวจพิจารณาของสำนักงานกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว

สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้สำนักงบประมาณจำได้จัดพิมพ์ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 และเอกสารประกอบงบประมาณ เพื่อเสนอ ครม. พิจารณาเห็นชอบอีกครั้งในวันที่ 11 พ.ค. 2564 และเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรต่อไป

โดย น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ตามปฏิทินงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร์จะพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปีงบประมาณพ.ศ. 2565 ในวาระที่1 ในวันที่ 26-27 พ.ค.64 วาระที่2-3 ในวันที่ 11-13 ส.ค.64 และเข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภาในวันที่ 23-24 ส.ค.64 จากนั้นเลขาธิการคณะรัฐมนตรี จะนำร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ขึ้นทูลเกล้าฯในวันที่ 7 ก.ย.64 ต่อไป

สำหรับวงเงินและโครงสร้างงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 มีวงเงินจำนวน 3.1 ล้านล้านบาท ลดลงจากปีงบประมาณ 2564 ที่ 1.85 แสนล้านบาท หรือลดลง 5.66% โครงสร้างงบประมาณรายจ่ายประกอบด้วย รายจ่ายประจำ 2.36 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 76.15% ของวงเงินงบประมาณ รายจ่ายลงทุน 6.24 แสนล้าบาท คิดเป็นสัดส่วน 20.14% รายจ่ายชำระคืนต้นเงินกู้ 1 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 3.22% รายจ่ายเพื่อชดใช้เงินทุนสำรองจ่าย 2.49 หมื่นล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 0.81% และรายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง 596.7 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 0.02%

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube