จับสัญญาณเศรษฐกิจไทย “วิกฤต” หรือ “ไม่วิกฤต” ผ่านการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. วันที่ 29 พ.ย.นี้
หลังจากการประชุมครั้งก่อนหน้า 27 ก.ย.ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 ต่อปี จากร้อยละ 2.25 เป็นร้อยละ 2.50 ต่อปีโดยฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส มีมุมมองว่า กนง. จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งสุดท้ายของปีนี้ เนื่องจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่อง อาจเป็นการขัดขวางการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ รวมถึงการใช้เม็ดเงินมหาศาลในการขับเคลื่อนประเทศที่อาจทำให้เงินเฟ้อขยับขึ้น มีโอกาสล่าช้า
ทั้งนี้ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.คุยกับ “ศ.ดร.พรายพล คุ้มทรัพย์” อดีตคณะกรรมการนโยบายการเงินในเรื่องดังกล่าว โดย “ศ.ดร.พรายพล” เชื่อว่า การประชุม กนง. รอบนี้ 29 พ.ย.ที่ประชุมจะมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายเช่นกัน
“ฟังดูแล้วน่าจะยังคงดอกเบี้ยไว้ที่เดิม เพราะว่าเท่าที่ผ่านมาก็ปรับขึ้นมาบ้าง ก็คิดว่าตอนนี้ ปัญหาเงินเฟ้อก็บรรเทาเบาบางลงไปแล้ว ในขณะที่เศรษฐกิจเอง อย่างที่เราทราบๆกันดี การขยายตัวก็ไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไร ชะลอตัวด้วยซ้ำไป เพราะฉะนั้นก็คงต้องหยุดการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นไปก่อน”
นอกจากนี้ “ศ.ดร.พรายพล” ยังได้สะท้อนมุมมองถึงประเด็นที่มีการถกเถียงกันว่า เศรษฐกิจไทยขณะนี้ “วิกฤต” หรือ “ไม่วิกฤต” โดยเขายืนยันว่า ไม่ได้วิกฤต แต่ยอมรับว่า เศรษฐกิจไทยชะลอตัว ดังนั้นสิ่งที่รัฐบาลจะต้องเร่งดำเนินการเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโต นั่นก็คือ การเร่งขับเคลื่อนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 เพราะขณะนี้เรื่องดังกล่าวยังไม่ผ่านสภาเลย
“ก็โดยปกติ เอามาตรฐานสากล วิกฤตมันมักจะเกิดขึ้น เมื่อจีดีพีเติบโตติดลบ เป็นอย่างนั้นจริง ซึ่งหลายประเทศก็ทำกัน หลายประเทศถึงขนาดมีคำนิยมด้วยซ้ำไป คำว่าเศรษฐกิจตกต่ำ จีดีพีจะต้องติดลบติดต่อกัน 2 ไตรมาส ถ้าจะเอาคำนิยามประเภทนี้ เราก็จะเห็นว่าจีดีพีก็ไม่ได้ติดลบสำหรับประเทศไทย ฉะนั้นก็ไม่ถึงขั้นวิกฤต แต่ว่าทุกคนก็เห็นด้วย ชะลอตัวแน่นอนอยู่แล้ว แต่ก็ยังไม่ถึงกับตกต่ำ ถ้าจะใช้ภาษาที่เขาใช้กันทั่วโลก วิกฤตคงติดลบมากและต่อเนื่อง”
ส่วนกรณีที่รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรี “เศรษฐา ทวีสิน” จำเป็นที่จะต้องเร่งขับเคลื่อนนโยบายแจกเงิน 1 หมื่นบาท ผ่านดิจิทัล วอลเล็ต ให้เกิดขึ้นได้เร็วนั้น “ศ.ดร.พรายพล” บอกว่า ก็เพราะมีผลต่อคะแนนนิยมที่ได้หาเสียงไว้ ในช่วงเลือกตั้ง
“ก็ไปให้สัญญาเขาไว้ในการเลือกตั้ง ก็ไม่รู้ทำไง ตัวเองก็มาเป็นรัฐบาล ก็ต้องหาเหตุผล หรือคำอธิบายที่จะผลักดันนโยบายที่สัญญาไว้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าเศรษฐกิจมันไม่ดี ชะลอตัวจริงๆ เพียงแต่ว่า เลวร้ายถึงขนาดจะต้องใช้จำนวนเงินอัดฉีดมากถึงขนาดนั้นหรือเปล่า หรือวิธีการเป็นเช่นนั้นหรือเปล่า ก็เป็นอีกประเด็นนึง”
จากนี้ต่อไปจะต้องจับตาความคืบหน้าประเด็นการแจกเงินดิจิทัล วอลเล็ตอย่างใกล้ชิด หลังนายกรัฐมนตรี “เศรษฐา” ชี้แจงว่า ดิจิทัลวอลเล็ตยังอยู่ในไทม์ไลน์เดิม แต่ยอมรับช้าไปบ้าง หลังล่าสุดพ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท ยังไม่ส่งไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกานั่นเอง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews