fbpx
Home
|
ข่าว

ศาลยกฟ้อง “ชวน” หมิ่นประมาท “ทักษิณ”

Featured Image
ศาลฯยกฟ้อง “ชวน” หมิ่นประมาท “ทักษิณ” ชี้ในฐานะเป็นนักการเมือง-อดีตนายกฯ มีสิทธิ์ที่จะวิจารณ์เหตุการณ์ที่ได้ประสบมา

 

 

ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถ.เจริญกรุง ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดีหมิ่นประมาทหมายเลขดำ อ.1590/2565 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตประธานรัฐสภา เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326,328 โดยอัยการโจทก์ ระบุฟ้องพฤติการณ์ความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 28 ต.ค.55 เวลากลางวันจำเลยหมิ่นประมาท นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระหว่างการบรรยายในงานเปิดงานโรงเรียนการเมือง ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่โรงแรมรามาดาพลาซ่า แม่น้ำริเวอร์ไซด์ กรุงเทพมหานคร

 

โดยมีข้อความเป็นการใส่ความผู้เสียหายทำนองว่า “รูปแบบการปกครองทุกอย่างต้องพัฒนาไปข้างหน้า แต่ต้องยอมรับว่ารูปแบบการปกครอง ของประเทศไทยให้โอกาสมาก บ้านเมืองจะเปลี่ยนแปลงไปเป็นสิ่งที่เราต้องทำ คนไทยมีศักยภาพ แต่เรามีจุดอ่อนที่นักการเมืองโกง ซึ่งมาจากธุรกิจการเมืองและอุปสรรคของประชาธิปไตย คือ การยึดอำนาจระบอบประชาธิปไตย อำนาจประชาธิปไตยจะใช้ผ่านองค์กร สถาบันทั้งนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร และตุลาการ โดยมีการคานอำนาจ ซึ่งกันและกัน แต่เมื่อบ้านเมืองมีปัญหาจึงเกิด องค์กรอิสระขึ้นมา เช่น คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช) คณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) แต่เมื่อระบบทักษิณเกิดขึ้นก็ใช้วิธีการนอกกฎหมาย

 

สําหรับปัญหาใน 3จังหวัดชายแดนภาคใต้ปัจจุบันเป็นเพราะนโยบายของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่ประกาศว่าจะแก้ไขปัญหาใน3จังหวัด ชายแดนภาคใต้ให้หมดภายใน3เดือนนั้น ทั้งที่ขณะนั้นไฟใต้มอดแล้วในสมัยที่ตนเป็น นายกรัฐมนตรี แต่เมื่อ นานทักษิณ เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีกลับใช้คำว่า “โจรกระจอก” และมียกเลิกศูนย์อำนวยการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) หันมาใช้นโยบาย “ฆ่าหมดก็จบตรงนี้คือที่มาของการนองเลือดในปัจจุบันนี้…”

 

โดยคำพูดต่างๆของนายชวน จำเลย ทำให้โจทก์ได้รับความงเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียด ชัง จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษ จำเลยตามความผิดด้วย

 

โดยมีการรับฟังคำพิพากษาประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นนายชวน ให้สัมภาษณ์ว่า ศาลยกฟ้อง ด้วยเหตุผลว่าเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ในฐานะที่ตนเป็นนักการเมือง เคยเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี มีสิทธิ์ที่จะวิจารณ์เหตุการณ์ที่ได้ประสบมา เนื่องจากว่าในสำนวนมีการสืบพยานที่มาของคำพูด เช่น การฆ่าตัดตอน การฆ่าทิ้ง จัดการได้เดือนละ 10 คน 2 เดือนก็หมด โดยมีอดีตรองแม่ทัพภาค4 มาเบิกความให้

 

โดยเป็นคนเดียวที่อยู่ในการประชุมวันที่ 8 เมษายน 2544 ที่นายทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรีและไปประชุม อันเกิดจากวันที่ 7 เมษายน เกิดเหตุระเบิดที่สถานีรถไฟหาดใหญ่ และวันที่ 8 เมษายน คือวันที่ให้นโยบายว่า “คนร้ายมีไม่เกิน 17-18 คน ที่เป็นหัวโจกจัดการเดือนละ 10 คน 2 เดือนก็หมด” และนี่คือที่มาของปัญหาภาคใต้ ที่เกิดจากนโยบายดังกล่าวนี้ และได้มีการส่งตำรวจเข้าไปเก็บ เพราะในคำสั่งดังกล่าวดังกล่าวนั้นระบุว่าจัดการได้เดือนละ 10 คนสองเดือนก็หมดและเชื่อว่าตำรวจทำได้ ไม่พึ่งทหารซึ่งอดีตรองแม่ทัพภาคสี่ มีการบันทึกถ้อยคำเอาไว้และ ถือว่าเป็นอีกบุคคลที่กล้ามาเบิกความ และเป็นคนเดียวในวันดังกล่าวที่กล้าติงในทำนองที่ไม่เห็นด้วย ซึ่งหากเชื่อภาคใต้เราคงไม่นองเลือดแบบทุกวันนี้

 

ซึ่งผลจากวันนั้นคือที่มาของเหตุการณ์ 4 มกราคม 2547 ที่เกิดเหตุเหตุการณ์ปล้นอาวุธปืนค่ายปิเหล็ง ได้ไปกว่า 400 กระบอก และที่ปล้นฆ่ายิงกันทุกวันนี้ส่วนหนึ่ง ส่วนหนึ่งก็มาจากปืนที่ปล้นไปในวันนั้นซึ่งเป็นที่มาของเหตุร้ายจนมีคนที่เสียชีวิตกว่า 7,500 คน ซึ่งเป็นผลมาจากความผิดพลาดของนโยบาย ซึ่งความจริงแล้วนายทักษิณ เคยยอมรับว่าเขาผิดพลาดในเรื่องนี้ ดังนั้นศาล จึงเห็นว่าตนในฐานะนักการเมือง และมีประสบการณ์เรื่องนี้เรื่องนี้เพราะในสำนวนปรากฏว่าตน ได้ไปเห็นด้วยตนเอง และเรื่องนี้ได้สืบพยานทั้งหมด จึงมีสิทธิ์ที่จะวิพากษ์วิจารณ์ได้

 

รู้สึกอย่างไรบ้างเนื่องจากคดีนี้ยาวนาน นายชวนระบุว่า สำคัญที่สุดคือความจริง คงไม่ไม่ค่อยมีโอกาสได้ฟังความจริงจากผู้ที่มีส่วนร่วมประชุมในวันนั้นและเป็นคนเดียวที่กล้าติ่ง คือรองแม่ทัพภาค 4 ซึ่ง ตนอยากให้จดจำบุคคลคนนี้เอาไว้ และขณะนี้ยังคงมีชีวิตอยู่ ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่ามีการรื้อคดีความก่อนที่จะหมดอายุนั้น ตนไม่อยากให้ขาดอายุความ เพราะคดีมีเรื่องแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจอาจจะโดนตำหนิได้ จึงต้องการให้สืบพยานให้จบ เพื่อคดีจะได้จบ และยุติโดยศาลเป็นผู้ใช้ดุลยพินิจ

 

ประเด็นนี้จะนำไปสู่การรื้อฟื้นปัญหาความขัดแย้งในภาคใต้อีกหรือไม่ นายชวน ระบุว่า ประเด็นนี้ต้องรอดูว่าอะไรเกิดขึ้นความผิดพลาดจากนโยบาย 8 เมษายน 2544 เป็นที่มาของการสูญเสียมากมายในชีวิต แต่รัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะไปไกลขนาดไหนจะต้องดูว่าเหตุที่เพิ่งเกิดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาประมาณ 40 ครั้ง ตนมองว่าคงไม่ธรรมดา

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube