“ทนายไพศาล” จี้ ป.ป.ช.สอบทุจริตงานวิจัยหน้ากากกันแก๊สพิษตบตากองทัพหลัง 6ปีไม่คืบ พบหลักฐานใหม่ วันปิดเล่มใบเซอร์ปลอมยังอยู่ รุด ยื่น กห.ส่งเรื่องกองทัพเร่งตรวจสอบต่อ
ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาลทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ นำเอกสารยื่นเรื่อง ให้ตรวจสอบกรณีอาจารย์มหาวิทยาลัยชื่อดัง ทำวิจัยหน้ากากกันแก๊สพิษให้กับกองทัพเมื่อปี 2560 ในสมัยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยมีนายธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำรองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับเอกสาร
โดยทนายไพศาล เปิดเผยว่า มีการพบพยานหลักฐานใหม่ ซึ่งโครงการวิจัยดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงที่ราคายางพาราตกต่ำ จึงมีการทำวิจัยเกี่ยวกับยางพาราเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในประเทศ ซึ่งเป็นที่น่าสงสัยคือพบเอกสารใบรับรองปลอมจากสหรัฐอเมริกา และงานวิจัยดังกล่าวได้ส่งเล่มปิดไปยัง สำนักงานคณะกรรมการการ อุดมศึกษา (สกอ.) ที่ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และกองทัพ
ซึ่งมีการตรวจสอบและส่งเรื่องไปยังกองปราบปราม และกองปราบปรามส่งเรื่องต่อไปยัง สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ภายใน 1 เดือน แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ทราบว่าได้มีการเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลแล้วหรือไม่
โดยมีการตั้งประเด็นการสอดไส้เอกสารปลอม แต่กลับไม่แจ้งกองทัพ ซึ่งแม้กองทัพ จะยังไม่ได้เสียงบประมาณ 150 ล้านบาท แต่กองทัพมีความเสียหาย ในเรื่องของงบ 50,000 บาท ในการทดสอบงานวิจัยนี้ไปแล้ว โดยในเรื่องนี้ยังไม่มีใครเปิดเผยแต่ตนเองจะมีการเดินหน้าเปิดเผยต่อเนื่อง โดยทางคณะกรรมการ ป.ป.ช. จะต้องเร่งตรวจสอบ
ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ และเร่งสรุปเรื่องนี้ เพราะกระบวนการตรวจสอบจะเป็นการชี้ถูก ชี้ผิดบุคคลที่เกี่ยวข้อง หากไม่ผิด ไม่เกี่ยวข้อง ก็เป็นผู้บริสุทธิ์ในสังคม แต่หากมีความเกี่ยวข้อง กระบวนการต่างๆ ก็จะต้องเป็นไปตามกฎหมาย
พร้อมยืนยันว่า ข้อเท็จจริงเหล่านี้ตนเองพูดในฐานะประชาชน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนประชาชนเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต โดยผู้เกี่ยวข้องสามารถใช้สิทธิ์ตามกฎหมายได้ โดยส่งพยานหลักฐานมาที่ศาลและพิสูจน์
เมื่อถามว่าพยายามที่จะทำงานวิจัยนี้เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนหรือไม่ ทนายไพศาล กล่าวว่า ตั้งเป็นข้อข้อสงสัย และข้อสังเกต ตนจึงต้องการให้ป.ป.ช.เร่งดำเนินการ และอยากให้ทางกองทัพตรวจสอบให้เรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
ด้าน นายธนกฤต กล่าวว่าโครงการวิจัยและพัฒนาหน้ากากกันแก๊สพิษจากยางพาราเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2560 ซึ่งเวลาล่วงเลยมากว่า6ปี ทนายไพศาลจึงมายื่นเรื่องขอให้ตรวจสอบโดยส่วนตัวตั้งข้อสังเกตว่าเมื่อทำวิทยานิพนธ์ก็ต้องมีการจัดเรียงหน้า และเอกสารก็อยู่ในรูปเล่มอยู่แล้ว จะเป็นไปได้หรือไม่ ว่าคนที่วิจัยจะไม่เห็นเอกสาร และประเด็นคืองบประมาณ 3.8ล้าน ได้นำไปใช้แล้ว พร้อมตั้งคำถามว่าหน้ากากมีมาตรฐานหรือไม่ ซึ่งถือเป็นความเสียหายที่เกิดขี้นไปแล้วส่วนหนึ่ง ตนจึงรับเรื่องและจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบต่อไป
จากนั้นได้เดินทางไปที่กระทรวงกลาโหมเพื่อยื่นหนังสือต่อ นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อเร่งตรวจสอบในเรื่องนี้ โดยมีนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เป็นผู้รับเอกสารหลักฐานแทน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews