fbpx
Home
|
ข่าว

ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดนพรัตน์-พวกโกงเงินทอด 8 วัดกว่า 30 ล.

Featured Image
ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด “นพรัตน์” อดีต ผอ.สำนักพุทธกับพวก โกงเงินทอด 8 วัด ยอดความเสียหายกว่า 30 ล้านบาท หักค่าหัวคิวคืนวัดละ 90 %

 

 

 

 

นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช. เปิดเผยว่า ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดทั้งอาญาและวินัยร้ายแรงต่อนายนพรัตน์ เบญจนานันท์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติกับพวก ร่วมกันทุจริตเงินอุดหนุนการบูรณปฏิสังขรณ์วัดและพัฒนาวัด ประจำปี 2557 ของสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ที่จัดสรรให้กับวัดโพธิ์ทองและวัดตำหนัก (ภาวนาราม) และวัดจงกลณี จ.พระนครศรีอยุธยา วัดเพลง(กลางสวน) กรุงเทพมหานคร วัดใหญ่ จ.สมุทรปราการ วัดเกาะแก้วอรุณคาม จ.สระบุรี วัดห้วยจระเข้ จ.นครปฐม และวัดกลางเหนือ จ.สมุทรสงคราม

 

 

 

 

โดยในกรณีของวัดโพธิ์ทอง วัดตำหนักและวัดจงกลณี นายนพรัตน์ได้อนุมัติจ่ายเงินอุดหนุนการบูรณปฏิสังขรณ์วัด วัดละ 1,000,000-2,000,000 บาท ทั้งที่วัดไม่ได้ยื่นคำขอรับเงินอุดหนุนไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ผ่านเจ้าคณะพระสังฆาธิการ เจ้าสังกัดและเจ้าหน้าที่ฝ่ายบ้านเมืองตามลำดับ โดยมีเงื่อนไขว่าวัดที่ขอรับเงินอุดหนุนจะได้รับเงินอุดหนุนเพียงร้อยละ 10 ของเงินที่ได้รับเท่านั้น

 

 

 

ส่วนอีกร้อยละ 90 จะต้องส่งคืนให้กับสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อนำไปสนับสนุนวัดในถิ่นทุรกันดาร และวัดใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งหลังได้รับเงินมีการแจ้งเจ้าอาวาสให้เบิกเงินอุดหนุนดังกล่าวมาคืนให้ น.ส.ประนอม คงพิกุล โดยวัดโพธิ์ทองได้รับเงิน 90,000 บาท วัดตำหนักได้เงิน 100,000 บาท วัดจงกลณี ได้รับเงิน 2,000,000 บาท แต่ต้องจ่ายคืนให้กับน.ส.ประนอม 1,600,000 บาท ทำให้ได้รับเงินจริงเพียง 400,000 บาท

 

 

 

 

ส่วนอีก 5 วัดที่เหลือ เป็นกรณีอ้างว่าวัดขอรับเงินอุดหนุนเพื่อบูรณะปฎิสังขรณ์เนื่องจากประสบวินาศภัย โดยวัดห้วยจระเข้ วัดใหญ่ วัดละ 4,000,000 บาท วัดเพลงและวัดเกาะแก้วอรุณคาม วัดละ 5,000,000 บาท วัดกลางเหนือ 1,000,000 บาท ทั้งที่ในข้อเท็จจริงวัดไม่เคยมีคำขอรับเงินอุดหนุนและไม่ได้ประสบวินาศภัย ดังนั้นการกระทำของนายนพรัตน์กับพวก เป็นการอนุมัติเงินอุดหนุนวัดไม่ชอบด้วยหลักเกณฑ์

 

 

 

 

ทำให้เกิดความเสียหายต่อสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ แม้ภายหลังวัดจะเบิกเงินมาใช้ในการบูรณะปฎิสังขรณ์วัดจริง โดยไม่ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่รัฐไปเรียกรับเงินหรือขอเงินคืนจากงบประมาณที่ได้รับไปก็ตาม แต่ ป.ป.ช.ก็เห็นว่าการกระทำของนายนพรัตน์ ทั้ง 8 สำนวนคดี มีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 151 มาตรา 157 มาตรา 162(1)(4) ประกอบมาตรา 83 พ.ร.ป.ว่าด้วย ป.ป.ช. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 423/1

 

 

 

รวมทั้งมีการชี้มูลความผิดอาญาพระครูปลัดวิสุทธิวัฒน์ (ไพโรจน์ บุญโสม) พระมหาสมบัติอาภากโร(สมบัติ ระสารักษ์) นางวรัญญู เพชรรัตน์ นางสาวประนอม คงพิกุล นายวสวัตติ์ กิตติธีระสิทธิ์ ตามมาตรา 147 มาตรา 151 มาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 พ.ร.ป.ว่าด้วย ป.ป.ช. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 423/1 รวมถึงชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรงต่อนายนพรัตน์ นางสาวประนอมและนายวสวัตติ์ เพิ่มด้วย

 

 

 

 

โดย ป.ป.ช.ได้ส่งรายงานการไต่สวนสำนวนเอกสารและคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีในศาลที่มีเขตอำนาจ รวมถึงส่งไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อดำเนินความผิดทางวินัย ตามฐานความผิด พร้อมแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหายตาม พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ 2539 ด้วย

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube