นายกฯปาฐกถางานสัมมนา Thailand – Japan Investment Forum ย้ำความพร้อมเปิดรับการลงทุนญี่ปุ่น ยืนยันศักยภาพทางการค้าการลงทุนของไทยพร้อทขับเคลื่อนเศรษฐกิจร่วมกัน นำ ซอฟพาวเวอร์ ไปสู่ส่กล
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ขึ้นกล่าวปาฐกถาในงานสัมมนา “Thailand-Japan Investment Forum 2023” จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ณ โรงแรมอิมพีเรียลโตเกียว กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยระบุว่า ผมขอขอบคุณแขกผู้มีเกียรติทุกท่านที่มาเข้าร่วมสัมนาในวันนี้ นับเป็นโอกาสที่ที่ผมจะเรียนให้ท่านทราบเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจและการพัฒนาด้านต่างๆที่เรากำลังดำเนินการกันหลายๆเรื่อง วันนี้ผมมี 3 หัวข้อ เรื่องที่ 1.เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศไทยญี่ปุ่น 2. เรื่องโอกาสและความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และ 3.แผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของประเทศไทย ผมหวังว่าการสัมนาครั้งนี้จะทำให้ทุกท่านเห็นโอกาสทางเศรษฐกิจได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ไทยและญี่ปุ่นมีความสัมพันธ์อย่างยาวนานและดีเยี่ยมมาโดยตลอดเวลากว่า 136 ปี ญี่ปุ่นนับเป็นมิตรแท้ของไทยซึ่งมีความสัมพันธ์กันในทุกระดับ ทั้งระดับราชวงค์ รัฐบาล ภาคธุรกิจ ไปจนถึงภาคประชาชน เห็นได้จากบริษัทญี่ปุ่นกว่า 6 พันบริษัท และชาวญี่ปุ่นกว่า 8 หมื่นคนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ซึ่งล้วนเป็นภาคส่วนสำคัญในการผลักดันการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจประเทศไทยมาในระยะเวลายาวนานนี้
โดยช่วงเดือนพ.ค.ที่ผ่านมาตนได้มีการเจรจาทวิภาคีกับนายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ในระหว่างการประชุมเอเปคโดยทั้งสองเห็นว่าประเทศทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ดีมาอย่างยาวนานและควรขยายตัวในการทำเศรษฐกิจระหว่างประเทศทั้งสองประเทศให้ได้ดียิ่งขึ้นไปกว่านี้อีก
อย่างที่ทราบกันดีว่าโลกเรากำลังเผชิญความท้าทายกันในหลายมิติ ซึ่งรัฐบาลไทยได้ดำเนินการนโยบายหลายๆอย่าง เพื่อรับมือคงามท้าทายไม่ว่าจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ การเจรจาทางการค้าระหว่างประเทศ เช่น เรามีนโยบายมุ่งส่งเสริมพัฒนาเศรษฐกิจใหม่ เศรษฐกิจดิจิทัล เศรษฐกิจสีเขียว อุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง AI การวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีนวัตรกรรม รวมถึงการพัฒนาสตาร์ทอัพ ให้เติบโตและแข่งขันในเวทีโลกได้ นโยบายดังกล่าวสอดคล้องกับนโยบายประเทศญี่ปุ่นที่เน้นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ มีการใช้นวัตรกรรมและเทคโนโลยีชั้นสูงเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมโดยความแข็งแกร่งนี้เห็นได้ชัดเจนจากทั้งความสามารถบริษัทใหญ่ๆไปถึงบริษัทระดับท้องถิ่น ซึ่งมีโนฮาวและพร้อมที่จะเติบโตไปยังต่างประเทศ โดยผมหวังว่าประเทศไทยจะเป็นหนึ่งในจุดมุ่งหมายหลักของพวกท่านทุกคน
ศักยภาพโดยรวมของเศรษฐกิจไทย แม้เศรษฐกิจไทยจะชะลอตัวลงไป แต่รัฐบาบมีมาตรการหลายอย่างที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบ การดึงดูดการท่องเที่ยว การเร่งดึงการเจรจาลงทุนจากบริษัทชั้นนำระดับโลก การเรืงพัฒนาโครงสร้างที่สำคัญ ด้านการค้าญี่ปุ่นเป็นคู่ค้าอันดับใหญ่ต้นๆของเรา โดยมีมูลค่าอยู่ที่ 8.7 ล้านล้านเยน คิดเป็นร้อยละ 10 ของมูลค่าการค้าระหว่างประเทศ แต่ผมเชื่อว่าศักยภาพของเราสามารถขยายมูลค่าได้มากขึ้นอีกและครองคลุมสินค้าได้หลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นสินค้าเกษตร สินค้าอุปโภคบริโภค ชิ้นส่วนยานยนต์และอิเล็คทรอนิกส์ และผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมต่างๆ
ด้านการลงทุนนักลงทุนญี่ปุ่นมีบทบาทอย่างมากสำหรับเศรษฐกิจไทยญี่ปุ่นเป็นชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยสูงสุดต่อเนื่องยาวนานในช่วง 10 ปีหลังมีโครงการที่ บีโอไอ ส่งเสริมกว่า 4,000 โครงการคิดเป็นเงินลงทุนกว่า 6 ล้านล้านเยน ซึ่งในปีนี้เองก็มี 180 โครงการมีมูลค่ากว่า 1.8 ล้านเยนการลงทุนจากญี่ปุ่นมีส่วนสำคัญในการผลักดันให้เศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของประเทศไทยเติบโตอย่างต่อเนื่องภาคอุตสาหกรรมยานยนต์เครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์เคมีภัณฑ์เครื่องจักรและอาหารแปรรูปซึ่งผมขอขอบคุณนักลงทุนญี่ปุ่นที่ให้ความสำคัญกับประเทศไทยมาโดยตลอด เป็นเวลากว่า 50 ปีที่ภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ญี่ปุ่นช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยพวกเราไม่ลืมและรัฐบาลไทยพร้อมที่จะดูแลและสนับสนุนบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่น
ให้แข่งขันและเติบโตได้เพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่เทคโนโลยียานยนต์สมัยใหม่ นอกจากอุตสาหกรรมที่คุ้นเคยกันดีแล้วรัฐบาลนี้ยังมีนโยบายสนับสนุนซอฟพาวเวอร์เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและการบริการ รวมทั้งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยในเวทีโลก
เรากำลังผลักดันซอฟพาวเวอร์ของไทยสู่ระดับสากลด้วยการทูตเชิงวัฒนธรรม การยกระดับและพัฒนาความคิดสร้างสรรของคนไทยสร้างหนึ่งครอบครัวหนึ่งซอฟพาวเวอร์พัฒนาคอนเทนท์ผ่านหลากหลายอุตสาหกรรมและส่งเสริมการนำภูมิปัญญาท้องถิ่นของไทยไปต่อยอดให้แพร่หลาย นี่ถือเป็นโอกาสใหม่สำหรับประเทศญี่ปุ่นที่จะมาลงทุนต่อยอดทรัพยากรของประเทศไทยการพัฒนาเรื่องเกมส์ภาพยนตร์หรืออนิเมชั่นซึ่งผมมั่นใจว่าความพร้อมของครีเอทีฟอินดรัสทีของเราไม่เป็นสองรองใครพิสูจน์ได้โดยรางวัลต่างๆทั่วโลกที่สร้างด้วยฝีมือของคนไทย
อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญคือเป้าหมายของไทยในการเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2065 นี่คืออีกหนึ่งโอกาสเชิญชวนญี่ปุ่นให้มามีส่วนร่วมอุตสาหกรรมนี้ไปด้วยกัน
ประเทศไทยมีความพร้อมด้านพลังงานสะอาดมากกว่าใครในภูมิภาคนี้ และกำลังต่อยอดอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง เช่น กรีนไฮโดรเจนที่จะกลายเป็นแหล่งพัฒนาพลังงานในอนาคตอีกด้วย รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งอย่างเต็มรูปแบบทั้งทางถนนทางน้ำทางรางและทางอากาศซึ่งจะช่วยยกระดับระบบคมนาคมการขนส่งของคนไทยโดยมีหลายภาคส่วนที่มีความร่วมมือกับทางญี่ปุ่นอยู่แล้ว นอกเหนือจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ล่าสุดรัฐบาลไทยมีความมุ่งมั่นจะผลักดันโครงการสะพานเศรษฐกิจเชื่อมทะเลฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน หรือแลนด์บริช ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมมูลค่าเงินลงทุนเบื้องต้นกว่า 4 ล้านล้านเยน การสร้างเส้นทางการขนส่งใหม่ของโลกที่เชื่อมโยงมหาสมุทรแปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดียด้วยท่าเรือระบบราง และระบบถนนจะทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญในภูมิภาคและระดับโลก ผมขอเชิญชวนให้ภาคเอกชนญี่ปุ่นเข้ามาร่วมศึกษาและลงทุนในโครงการแลนด์บิชเพื่อเสริมสร้างความเชื่อมโยงและซัพพลายเชนในภูมิภาคให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
สุดท้ายนี้ผมในฐานะผู้นำรัฐบาลไทยให้ความเชื่อมั่นว่ารัฐบาลมุ่งมั่นที่จะยกระดับเศรษฐกิจพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเดินหน้าขยายการเจรจา FTA กลับประเทศต่างๆทั่วโลกและเร่งปรับปรุงบริการภาครัฐเพื่อทำให้การประกอบการธุรกิจมีความสะดวกมากยิ่งขึ้นวันนี้ประเทศไทยภายใต้การนำของผมรัฐบาลนี้เปิดกว้างสำหรับการลงทุนของทุกประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งนักลงทุนจากญี่ปุ่นซึ่งเป็นนักลงทุนรายใหญ่รายสำคัญของไทยในช่วงหลาย 10 ปีที่ผ่านมาและพร้อมที่จะสนับสนุนการลงทุนจากญี่ปุ่นทั้งรายเดิมรายใหม่และพร้อมที่จะร่วมมือกับภาครัฐ และเอกชนญี่ปุ่นในการยกระดับอุตสาหกรรมเพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจใหม่ ตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงของโลกเพื่อความก้าวหน้าของทั้งสองประเทศต่อไป
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
