fbpx
Home
|
ข่าว

อดีตสส.ก้าวไกล ร้อง”ปดิพัทธ์”ประวิงเวลาเลี่ยงพบพนง.สอบสวน

Featured Image

 

 

 

อดีต สส.ก้าวไกล ร้อง”ปดิพัทธ์”ส่อประวิงเวลาเลี่ยงเข้าพบ พนง.สอบสวน อ้างติดภารกิจสภา เผยคดีหมิ่นฯ แจ้งไว้ตั้งแต่ปี 65 ยังค้างอยู่ ท้าแสดงสปิริต ‘คนเท่ากัน’ ยกเว้นเอกสิทธิ์คุ้มครอง

 

 

 

 

นายเกษมสันต์ มีทิพย์ อดีต สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ยื่นหนังสือต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ร้องเรียนพฤติกรรมประวิงเวลาเพื่อหลบเลี่ยงการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมของ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนคนที่ 1

 

 

 

 

สืบเนื่องจาก นายเกษมสันต์ ได้แจ้งความดำเนินคดี นายปดิพัทธ์ สันติภาดา อดีตกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล ปัจจุบันดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพิษณุโลก เขต 1 และรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ตั้งแต่วันที่ 21 ต.ค. 2565 นายปดิพัทธ์ มารับทราบข้อกล่าวหา หลังจากเสร็จสิ้นการเลือกตั้ง ประมาณวันที่ 29 พ.ค. 2566

 

 

 

 

 

หลังจากเปิดประชุมสภา สมัยสามัญประจำปี ครั้งที่ 1 นายปดิพัทธ์ ได้รับเอกสิทธิ์คุ้มครองในฐานะสมาชิกรัฐสภา หลังจากปิดประชุมสภา สมัยสามัญประจำปี ครั้งที่ 1 ในวันที่ 31 ต.ค. 2566 พนักงานสอบสวนลงความเห็นสั่งฟ้อง ได้ติดต่อนัดให้นายปดิพัทธ์ทางวาจาโดยการโทรศัพท์ ให้มาพบพนักงานสอบสวนเพื่อนำตัวส่งอัยการพร้อมสำนวนการสอบสวน ทั้งนี้ ได้รับคำตอบจาก นายปดิพัทธ์ว่า จะมาพบปลายเดือน พ.ย. 2566 โดยให้เหตุผลว่าติดภารกิจ

 

 

 

 

 

พนักงานสอบสวนประเมินว่า อาจทำให้ไม่สามารถนำตัวในปดิพัทธ์เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้ทัน จึงทำหนังสือเชิญให้นายปดิพัทธ์ มาพบพนักงานสอบสวนภายในวันที่ 20 พ.ย. 2566 แต่ นายปดิพัทธ์ ก็ไม่ได้มาพบและไม่ได้ติดต่อมายังพนักงานสอบสวน พนักงานสอบสวนทำหนังสือเชิญให้นายปดิพัทธ์ มาพบเป็นครั้งที่ 2 ภายในวันที่ 29 พ.ย. 2566 แต่นายปดิพัทธ์ ก็ไม่ได้มาพบ และได้ทำหนังสือขอเลื่อนไม่มีกำหนด

 

 

 

 

 

อย่างไรก็ตาม นายปดิพัทธ์ กลับให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ไม่ได้รับการติดต่อ และไม่ได้รับหนังสือเชิญจากพนักงานสอบสวน ซึ่งขัดแย้งกับเอกสารที่นายปดิพัทธ์ได้ทำขึ้นและส่งไปยังสถานีตำรวจเพื่อขอเลื่อนการเข้าพบพนักงานสอบสวน จากไทม์ไลน์ในเฟสบุ๊คแฟนเพจ นายปดิพัทธ์ยังคงใช้ชีวิตประจำวันตามปกติ ภารกิจที่สามารถลดเวลาการปฏิบัติภารกิจได้และนายปดิพัทธ์มิได้ติดภารกิจเป็นตัวแทนของรัฐสภาในทุกวันแต่อย่างใด ชี้ให้เห็นถึงพฤติกรรมประวิงเวลาเพื่อหลบเลี่ยงการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

 

 

 

 

 

ในขณะที่ช่วงเวลาที่จะสามารถดำเนินคดีนายปดิพัทธ์ได้ตามขั้นตอนกระบวนการทางกฎหมายก่อนที่นายปดิพัทธ์จะได้เอกสิทธิ์คุ้มครองในฐานะสมาชิกรัฐสภา ได้หมดลงในวันที่ 12 ธ.ค. 2566 ที่ผ่านมา หลังจากนี้ นายปดิพัทธ์ จะได้เอกสิทธิ์ในฐานะสมาชิกรัฐสภาคุ้มครองไปอีก 90 วัน จนกว่าจะมีการปิดประชุมสภาสมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 2

 

 

 

 

 

ดังนั้น ตนในฐานะผู้เสียหายได้อดทนรอกระบวนการทางกฎหมายเพื่อให้ความยุติธรรม มาเป็นเวลาปีกว่า คาดหวังว่า นายปดิพัทธ์ ซึ่งมีตำแหน่งเป็นถึงรองประธานสภาผู้แทนราษฎรจะรับผิดชอบต่อหน้าที่เหล่านี้ในฐานะที่ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน นายปดิพัทธ์ ก็ยังไม่แสดงความรับผิดชอบต่อหน้าที่นี้ จึงขออนุญาตทำหนังสือร้องเรียนกราบเรียนมายังประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้เห็นถึงพฤติกรรมประวิงเวลาเพื่อหลบเลี่ยงการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมของนายปดิพัทธ์ เพื่อที่จะได้ตักเตือนและให้นายปดิพัทธ์รับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนเอง

 

 

 

 

 

 

ทั้งนี้ นายเกษมสันต์ ได้เปิดหลักฐานคลิปเสียงของ นายปดิพัทธ์ บนเวทีหาเสียง ที่ยืนยันว่า นายปดิพัทธ์ เป็นผู้เสนอให้ขับ นายเกษมสันต์ ออกจากพรรค แต่ก็เปลี่ยนให้เป็นดองไว้ในพรรคก่อน อย่างไรก็ตาม นายเกษมสันต์ เผยว่า คดีความที่ตนแจ้ง นายปดิพัทธ์ ไว้เมื่อปี 2565 นั้น ไม่ใช่เรื่องที่เรียกตนเองว่า ‘งูเห่า’ ตามที่นายปดิพัทธ์เข้าใจ แต่เป็นความผิดฐานกล่าวหาใส่ร้ายโดยไม่มีมูลความจริง ซึ่งก็อาจตีความได้ว่ามีจุดประสงค์ทางการเมือง แต่ผู้ที่กระทำจะรู้ดีที่สุด

 

 

 

 

 

นายเกษมสันต์ ยังย้ำด้วยว่า ต้องการให้นายปดิพัทธ์ แสดงสปิริตของ ‘คนเท่ากัน’ และความโปร่งใส คือนายปดิพัทธ์ ควรยกเว้นเอกสิทธิ์คุ้มครองของตนเองแล้วเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเหมือนพลเมืองทั่วไป เพราะคดีของตนค้างอยู่ในขั้นตอนมานานแล้ว

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube