แฉตั้งข้อหาเบาหวิว คุมตำรวจคลั่งไล่ฆ่าชาวบ้านทำแผนก่อเหตุญาติฮือหวิดวุ่น-หวั่นบิดคดี ร้องขอความธรรมจี้ผบ.ตร.คัดกรองตำรวจ
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อช่วงสายของวันนี้ พันตำรวจเอกสมพร ผู้กำกับการ สภ.ดังกล่าว พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ได้คุมตัว ผู้ก่อเหตุจากห้องควบคุมในสภาพสวมกุญแจมือ สีหน้าไม่สะทกสะท้านใดๆ โดยมีกลุ่มญาติของผู้ตายและผู้บาดเจ็บมารอด้วยความโกรธแค้น และยิ่งสร้างความไม่พอใจให้กับกลุ่มญาติเพิ่มไปอีกเมื่อตำรวจได้อ้างว่าอย่าสร้างความวุ่นวายเนื่องจากจะทำให้ชื่อเสียงโรงพักเสื่อมเสีย ทำให้กลุ่มญาติด่าทอด้วยความโกรธแค้น หลังจากขึ้นรถออกจากโรงพักแล้วไปยังจุดเกิดเหตุแล้วนำชี้ที่เกิดเหตุเรียบร้อยจึงคุมตัวไปฝากขังยังศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช และกลุ่มญาติได้แจ้งความประสงค์คัดค้านการประกันตัวเนื่องจากเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม ไม่ไว้วางใจในคดีเนื่องจากเป็นตำรวจด้วยกัน
อย่างไรก็ตามในส่วนของผู้เสียชีวิต คือ นางสาววิจิตตรา อายุ 51 ปี ครอบครัวได้รับศพจาก รพ.ชะ มาตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดศาลาบางปู ตำบลปากพูน อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช ตั้งแต่ก่อนรุ่งสางที่ผ่านมนมา ศพได้ถูกบรรจุไว้ในหีบโลงเย็นเรียบร้อยแล้วเนื่องจากมีสภาพบาดแผลทั้งร่างไม่สามารถวางเพื่อรอรดน้ำได้ โดยช่วงสายที่ผ่านมายังอยู่ในระหว่างการรอตกแต่งหีบและสถานที่มีญาติทยอยมาช่วยงาน
นางสาวสุมณฑา ซึ่งได้อยู่กินกับนางสาววิจิตรา ฉันสามีภรรยามาเมื่อ 14 ปีก่อนจนปัจจุบัน เปิดเผยว่าทราบเหตุเมื่อคืนและรีบไปที่ รพ.ชะ แต่ไปถึงไม่สามารถทำอะไรได้เลยเขาเสียชีวิตไปแล้ว จึงรับศพกลับมาบำเพ็ญกุศล และยังบอกดั้วยว่าเราจะเรียกร้องอะไรได้บ้าง หาความเป็นธรรมได้อย่างไร คนตายเขาไม่เคยไปเกี่ยวข้องหรือรู้จักอะไรด้วยแต่กลับเกิดเหตุเช่นนี้ ฝาก ผบ.ตร.ฝากผู้ใหญ่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คนคุ้มคลั่งแบบนี้รับการราชการมาเป็นภัยให้ชาวบ้านได้ด้วยหรือ
นางสาวสุมณฑายังบอกด้วยว่าตำรวจเป็นผู้ถือกฎหมาย แต่เมื่อทำเช่นนี้เราจะเรียกร้องจากใคร เราไม่รู้อะไรเลย แม้จะเข้าไปดูหน้า ไปสอบถามว่ามันเกิดอะไรขึ้นตำรวจเขายังไม่ยอม
อย่างไรก็ตามมีรายงานว่าชาวบ้านและครอบครัวของผู้เสียหายหลายคนได้ตั้งข้อสังเกตในการก่อเหตุอาจไม่ใช่แค่เมาสุราอย่างที่ถูกกล่าวอ้าง และแม้จะอ้างว่าวัดแอลกอฮอร์ในลมหายใจได้ 49 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นก็ตาม ทั้งยืนยันว่าตรวจไม่พบสารเสพติดในร่างกายหรือตรวจปัสสาวะแล้วไม่มีสีม่วง อาจไม่มีความน่าเชื่อถือเนื่องจากอาการที่เกิดขึ้นนั้นเหมือนคนคุ้มคลั่งจากยาเสพติดฆ่าคนอย่างไร้เหตุผล หรือมูลเหตุจูงใจ
และเมื่อถามเจ้าหน้าที่บางคนบอกว่าถูกตั้งข้อหาฆ่าคนตาย แต่เมื่อไปดูเอกสารข้อมูลกลับพบว่า มีการตั้งข้อหาที่เบามาก คือทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส และถึงแก่ความตาย ซึ่งมีโทษเบากว่าโทษฐานฆ่าคนตายมาก ทั้งที่พฤติการณ์ของหมู่อาร์ม คือการเจตนาเล็งเห็นผลมีการแทงซ้ำแล้วซ้ำอีกหลายครั้งต่อเนื่อง ในลักษณะเจตนาเดียวกันกับผู้เสียหายทั้งสองคน มีการถีบให้รถล้มก่อนที่จะเข้าไปทำร้าย และมีการใช้อาวุธที่สำคัญกลับยังไม่มีการแจ้งข้อหาเรื่องการพกพาอาวุธมีดอีกด้วย
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
