กรมการขนส่งทางบก จัดกิจกรรมรณรงค์ ปลอดภัยของประชาชนช่วงปีใหม่ 2567 เน้นบูรณาการหน่วยงานแบบไร้รอยต่อ
วันนี้ (18 ธ.ค.66) นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม มอบนโยบายและเปิดกิจกรรมรณรงค์อำนวยความสะดวกและปลอดภัยรองรับการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 ภายใต้ชื่อ “ความปลอดภัยคือของขวัญที่ดีที่สุด” โดยมี นางสาวนภัทรา กมลรักษา ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วย นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก และผู้บริหารกรมการขนส่งทางบกเข้าร่วมกิจกรรม
นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ในส่วนของกระทรวงคมนาคม มีเป้าหมายคำนึงถึงการบริการขนส่งสาธารณะ สำหรับบริการพี่น้องประชาชน ซึ่งในส่วนของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคมได้ เตรียมตัว มาประมาณ 3 เดือนในการวางแผนงานครั้งนี้
โดยเน้นย้ำทุกหน่วยงาน ทุกองค์กรที่เกี่ยวข้องให้ศึกษาทดลองอย่างบขส.เอง ได้ทำการทดลอง โดยเอารถบขส.มาจอดที่สถานีกลางอภิวัฒน์ เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ที่ผ่านมา เพื่อเตรียมความพร้อมที่จะเกิดขึ้นจริง โดยเมื่อรถไฟ มาจอดเทียบที่สถานีกลางอภิวัฒน์ ก็สามารถรับผู้โดยสาร ออกไปได้ทันที ปรากฏผลเบื้องต้น มีผู้มาใช้บริการในหลักหมื่น
ครั้งนี้จะเป็นการปฏิบัติงานพร้อมกับนำสถิติจำนวนผู้โดยสารมาทำเชิงวิเคราะห์ จากช่วงปีใหม่ และใช้จะใช้ในช่วงสงกรานต์ ต่อไปจะไม่เห็นการตกค้าง ของผู้โดยสาร โดยเน้นย้ำว่า สามารถจองตั๋วรถผ่านใช้งานได้ประมาณ 60 วัน และต้องไม่มีตั๋วเต็ม ประชาชนสามารถจองตั๋ว ได้ตลอดเพราะ จะมีการจัดรถเสริมตามปริมาณความต้องการของผู้ที่จะเดินทาง สำหรับปีนี้บขส.คาดการณ์ว่าจะมีประชาชนมาใช้บริการรถโดยสารสาธารณะ มากที่สุดในช่วงวันที่ 28-29 ธันวาคม 2566 จำนวน 7 หมื่นคน มีรถบริการ 4000 เที่ยว และมีรถเสริม อีก700 คัน
ทั้งนี้ จะมีการประสานงานกับรถไฟฟ้า ช่วงเทศกาลปีใหม่ให้ประชาชนเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯจะขอให้รถไฟฟ้าขยายเวลาในการเปิดให้บริการเป็นเวลาตี 4 อยากดูที่เปิดช่วงตี 5 เพื่อรองรับผู้โดยสารที่เดินทางกลับจากต่างจังหวัด ถือว่านโยบายและมาตรการต่างๆที่ออกมาเป็นความร่วมมือบูรณาการกันแบบไร้รอยต่อในการบริการพี่น้องประชาชน
และได้มีการประสานไปยังผู้ประกอบการ เกี่ยวกับการก่อสร้างพื้นผิวจราจร ในทุกเส้นทาง ขอให้หยุดปฏิบัติงานในช่วงการเดินทางของพี่น้องประชาชนในเทศกาลปีใหม่ ที่ผ่านมากระทรวงคมนาคม เองก็ทำได้ค่อนข้างดีแล้วเหลือบางส่วน ที่ต้องใช้เชิงสถิติและเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วย ทั้งหมดนี้ เป็นความตั้งใจที่จะบริการที่น้องประชาชน
นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่าในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 ที่จะถึงนี้เป็นวันหยุดยาวต่อเนื่องเป็นช่วงเวลาที่ประชาชนนิยมเดินทางกับภูมิลำเนาและนักท่องเที่ยวเดินทางไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆจำนวนมาก โดยคาดการณ์ว่าปริมาณผู้โดยสารที่เดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะทั่วประเทศกว่า 15.84 ล้านคน และเดินทางระหว่างจังหวัดกว่า 1.8 ล้านคน
ทั้งนี้ เพื่อให้การเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่เกิดความสะดวกและปลอดภัย ได้มีการสั่งการให้หน่วยงานบูรณาการความร่วมมือโดยอาศัยเทคโนโลยีนวัตกรรมของทุกหน่วยงานให้เต็มประสิทธิภาพเชื่อมโยงระบบการขนส่งสาธารณะรวมถึงการคืนพื้นผิวจราจรได้เดินทางสะดวกปลอดภัยไม่มีการตกค้าง โดยจัดเตรียม รถโดยสารประจำทางและรถเสริมให้เพียงพอทั้งเที่ยวไปและเที่ยวกลับ จัดตั้งศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารและรับเรื่องร้องเรียนเฉพาะกิจ 1584 ที่ สถานีขนส่งทุกแห่งทั่วประเทศเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน และรับเรื่องซอฟต์แวร์จากประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง
พร้อมกำชับให้สำนักงานขนส่งทุกแห่งดำเนินการตรวจความพร้อมผู้ประกอบการขนส่งรถโดยสารสาธารณะทั่วประเทศและสถานประกอบการทั้งก่อนและระหว่างเทศกาล ตาม checklist ณ สถานีขนส่งผู้โดยสาร 123 แห่ง จุดจอดจำนวน 55 แห่ง จุดตรวจความปลอดภัย 15 จุด และจุด Check point จำนวน 28 จุดเพื่อให้รถโดยสารสาธารณะทุกคันมีสภาพมั่นคงแข็งแรง
ทั้งสภาพตัวรถภายนอกและภายในอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยต่างๆพร้อมใช้งานอยู่เสมอและตรวจความพร้อมของพนักงานขับรถ ประเมินสุขภาพและความพร้อมเบื้องต้น โดยเน้นย้ำ พนักงานขับรถต้องพักผ่อนให้เพียงพอไม่ดื่มสุราและไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ขอให้ผู้โดยสารทุกที่นั่งคาดเข็มขัดนิรภัยตลอดการเดินทางเพื่อป้องกันการบาดเจ็บและลดการเสียชีวิตเมื่อรถเกิดอุบัติเหตุ
ทั้งนี้ ภายในงานมีการจัดบูธกิจกรรมต่างๆ เช่น ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัยและบูธจุดตรวจความพร้อมรถโดยสารสาธารณะและพนักงานขับรถ Checking Point รวมถึงมีการจัดนิทรรศการประชาสัมพันธ์ภาพรวมนโยบายและมาตรการความปลอดภัย ของกรมการขนส่งทางบก
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
