กลโกงมิจฉาชีพ ตร.เตือนภัยออนไลน์พบมุขใหม่แก๊งคอลเซนเตอร์แอบอ้างเป็น จนท.รพ.- ปลอมเว็บไซต์รับแจ้งความออนไลน์
พล.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. นำแถลงข่าวเตือนภัยออนไลน์ประจำสัปดาห์ โดยมี สถิติการรับแจ้งความออนไลน์ วันที่ 20-26 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา รับแจ้งทั้งหมด 3,671 เคส ความเสียหายกว่า 466 ล้านบาท และในช่วงที่ผ่านมานี้ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เริ่มได้รับแจ้งพฤติการณ์ใหม่ที่คนร้ายนำมาใช้ ในการหลอกลวงประชาชน โดยคนร้ายปลอมเว็บไซต์รับแจ้งความออนไลน์แล้วหลอกเหยื่อให้โอนเงินเป็นการซ้ำเติมผู้เสียหายและพบมุขใหม่แก๊งคอลเซ็นเตอร์อ้างว่าโทรติดต่อมาจากห้องฉุกเฉินโรงพยาบาล
ด้าน พล.ต.ต.ชูศักดิ์ ขนาดนิด ผบก.ตอท. กล่าวว่า ในช่วงนี้มีเว็บไซต์รับแจ้งความออนไลน์ปลอม โดยคนร้ายโฆษณาผ่านเพจ facebook ปลอม เมื่อเหยื่อเข้าไปค้นหาหน่วยรับแจ้งความออนไลน์ เพจกลุ่มนี้จะซื้อโฆษณาจาก facebook ทำให้เพจขึ้นมาในในระบบค้นหาจากเว็บ Search Engines ต่างๆ ทั้ง Google Bing safari เป็นต้น เมื่อเหยื่อหลงเชื่อกดเข้าเว็บไซต์หรือเพจ facebook ก็จะคุยกับระบบ AI และให้เพิ่มเพื่อนไลน์คนร้าย จากนั้นส่งต่อให้คนร้ายที่อ้างตัวเป็นทนายความเพื่อหลอกถามข้อมูล แล้วจะอ้างว่า ได้ทำการตรวจสอบเส้นเงินแล้ว พบว่าเงินออกนอกประเทศไปแล้ว และคนร้ายใช้บัญชีม้า ทำให้ตามเงินกลับมาไม่ได้ แต่ว่าเงินยังฟอกไม่สำเร็จ และรู้ว่าเงินเข้าสู่แพลตฟอร์มไหน
จากนั้นส่งต่อให้คนร้ายที่อ้างตัวว่าเป็นทีม IT สามารถโจมตีแพลตฟอร์มนี้ เพื่อนำเงินคืนมาให้ได้ จากนั้นส่งต่อให้หัวหน้าของคนร้ายที่เป็นเจ้าหน้าที่ IT อ้างว่า ขณะนี้เงินของเหยื่อได้เข้าสู่แพลตฟอร์ม เว็บพนันออนไลน์ แต่จะช่วยโจมตีเว็บไซต์ดังกล่าวให้ โดยให้เหยื่อสมัครและเล่นในเว็บไซต์พนัน โดยอ้างว่า ไม่ได้พามาเล่นการพนันแต่เป็นการพามากู้เงินคืนจากเว็บไซต์ โดยจะทำการโจมตีให้เหยื่อ แต่มีข้อแม้ต้องใช้เงินตัวเองยิ่งเติมเยอะยิ่งได้คืนมาก และเร็ว และ ทำได้แต่บางช่วงเวลาของวันเท่านั้น ไม่งั้นเซิร์ฟเวอร์จะตรวจพบ และ ขอหักเงิน 10% เพื่อเป็นค่าทนาย จากรายได้ที่ได้จากการโจมตี เหยื่อหลงเชื่อเพราะคิดว่าจะได้เงินคืน สุดท้ายเสียเงินเพิ่ม
พล.ต.ต.ชูศักดิ์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ช่วงนี้มีคนร้ายแก็งคอลเซ็นเตอร์ใช้เบอร์มือถือซิมม้าโทรหาเหยื่อแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล แจ้งว่ามีคนไข้ถูกส่งมาที่ห้องฉุกเฉิน และมีค่าใช้จ่ายต้องชำระสำหรับการผ่าตัดด่วน เหยื่อปฏิเสธว่าไม่รู้จักบุคคลที่ถูกส่งมาห้องฉุกเฉินดังกล่าว แต่ทางคนร้ายยังคงยืนยันว่าคนไข้คนดังกล่าวระบุชื่อเหยื่อเป็นเบอร์ติดต่อ หากคนไข้เป็นอะไรไปเหยื่อต้องรับผิดชอบ เหยื่อขอคุยสายกับนายแพทย์เจ้าของคนไข้ แต่คนร้ายไม่ยอมจึงได้วางสายไป เหยื่อพยายามโทรกลับไปติดต่อแต่โทรกลับไปไม่ได้ มีเสียงแจ้งว่าไม่สามารถติดต่อเลขหมายดังกล่าวได้ ภายหลังเหยื่อได้นำเบอร์มือถือดังกล่าวมาตรวจสอบกับ Application Whoscall พบว่าเป็นเบอร์ที่ถูกรายงานไว้ว่าเป็นเบอร์คนร้าย
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการป้องกันขอให้สังเกตความผิดปกติของปลายสาย เช่น ถามชื่อ-นามสกุล จริง การใช้ข้อความอัตโนมัติ การโอนสายให้เจ้าหน้าที่ หากมีการ VIDEO CALL ให้สังเกตความผิดปกติของเสียงและท่าทาง (คนร้ายใช้โปรแกรมปลอมใบหน้า),หากคนร้ายอ้างเหตุต่างๆ หรือข่มขู่ให้โอนเงิน ให้โทรศัพท์ตรวจสอบหรือโทรสายด่วนหน่วยงานที่มีการแอบอ้าง ก่อนดำเนินการใดๆ หรือ หากมีหมายเลขโทรศัพท์ ที่ไม่ได้บันทึกไว้ในเครื่องโทรหา ไม่ควรรับสายในทันที และให้ตรวจสอบผ่าน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews