fbpx
Home
|
อาชญากรรม

“ชูวิทย์” แฉ ว่าที่นายกฯ “เศรษฐา

Featured Image
“ชูวิทย์” แฉ ว่าที่นายกฯ “เศรษฐา” ทำนิติกรรมอำพรางเลี่ยงภาษี ชี้ นายกฯ ต้อง มีความซื่อสัตย์สุจริตตามรัฐธรรมนูญ

 

 

 

วันนี้ (3 ส.ค.66) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง แถลงข่าวอภิปรายคุณสมบัตินายกฯ คนใหม่ของประเทศไทย “มีความซื่อสัตย์เป็นที่ประจักษ์หรือไม่?” ที่โรงแรมเดวิส สุขุมวิท 24 นายชูวิทย์ เผยว่า มีคนพยายามจะไม่ให้ตนพูดในทุกวิถีทางมีการใส่ร้าย แต่ตนไม่สนใจ ใครจะแนะแหน พูดไปเลย ตนไม่มีต้นทุน แต่นายเศรษฐาไปคุกเข่ากับนายทักษิณ และคุณหญิงพจมาน เมื่อสองสัปดาห์ก่อน ว่าจะทำให้ทุกอย่างหากได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี

 

 

นายชูวิทย์ ยังได้นำหลักฐานการซื้อขายที่ดินของบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ ที่มีนายเศรษฐา อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ และเป็นแคนนิเดตนายกรัฐมนตรีที่พรรคเพื่อไทยจะเสนอชื่อให้คัดเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี

 

 

โดยเป็นการซื้อขายที่ดินย่านถนนสารสิน ราคากว่า 1,570 ล้านบาท เมื่อปี 2562 มีการประเมินซื้อขายของบริษัทตารางวาละ 4 ล้านบาท ซึ่งมีการหลบเลี่ยงภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาทำให้รัฐขาดรายได้ไปกว่า 521 ล้านบาท โดยทำนิติกรรมอำพรางมีการแบ่งโอนที่ดินทั้งแปลงเป็น 12 วัน และให้มีผู้ซื้อขาย 12 คน โดยมีหลักฐานการโอนที่ดินในวันทำการติดต่อกันทั้ง 12 วัน จากเดิมที่ต้องเสียภาษีหากโอนที่ดินในวันเดียวเป็นเงินกว่า 580 ล้านบาท แต่ทางบริษัทเสียภาษีที่ดินเป็นเงินเพียง 59 ล้านบาท เท่านั้น

 

 

นายชูวิทย์ ยังระบุว่า การโอนที่ดินในลักษณะนี้ เป็นการเลี่ยงเสียภาษีในฐานะห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน หรือ คณะบุคคล เพราะต้องเสียจำนวนเงินเยอะกว่าการแยกจ่ายเป็น 12 วัน และยังเห็นว่ามีความผิดปกติในโฉนดที่ระบุถึงเงินมัดจำค่าที่ดินแต่ละวันไม่ตรงกัน ส่วนใหญ่ใช้เงินสดมากกว่าร้อยละ 50 ในการวางมัดจำ ซึ่งเป็นเงินครั้งละกว่า 200 ล้านบาท นายชูวิทย์ เห็นว่าผิดปกติ เพราะเงินจำนวนมากขนาดนี้จะต้องจ่ายด้วยเช็ค แต่ครั้งนี้เป็นเงินสด

 

 

นอกจากนี้นายชูวิทย์ ยังมีหลักฐานการประชุมของบริษัทแสนสิริ เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2562 ที่มีมติให้แยกโอนที่ดินรวม 12 วัน โดยมีการลงนามรับรองของนายเศรษฐา

 

 

นายชูวิทย์ ยังระบุว่า บริษัท แสนสิริ ไม่เคยซื้อที่ดินโดยตรงจากเจ้าของ แต่ให้บริษัทในเครือมาซื้อ แล้วก็ทำธุรกรรมอำพรางจนทำให้มีราคาที่ดินสูงขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัท แสนสิริ เคยมาติดต่อซื้อที่ดินของนายชูวิทย์ มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท มาแล้ว แต่ไม่ขายให้เนื่องจากติดสัญญาซื้อขายกับบริษัทอื่นอยู่ และได้ขายไปให้กับบริษัทดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว

 

 

โดยที่ยืนยันว่าการที่ออกมาเปิดเผยในครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายที่ดินกับบริษัทแสนสิริ และไม่ได้มีเรื่องโกรธเคืองกับนายเศรษฐา แต่เป็นการออกมาพูดเพื่อประโยชน์สาธารณะ ที่ต้องการให้นายกรัฐมนตรีมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์

 

 

หลังจากนี้ก็จะนำเรื่องดังกล่าวส่งให้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ กลต. กรมสรรพากร และประธานรัฐสภา ตรวจสอบความผิดปกติของการหลีกเลี่ยงภาษีของนายเศรษฐา ซึ่งถือว่าทำให้รัฐเสียหายกว่า 521 ล้านบาท ต่างจาก นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แม้ว่าจะถูกกล่าวหาว่าถือครองหุ้นสื่อ 42,000 หุ้น แต่ยังไม่ทำความเสียหายให้กับประเทศ

 

 

นายชูวิทย์ ยังระบุว่า บริษัทอสังหาริมทรัพย์ส่วนใหญ่ในไทย มักจะหลีกเลี่ยงภาษีด้วยวิธีนี้ แต่บริษัท แสนสิริ ทำเยอะกว่าบริษัทอื่น จึงไม่เห็นด้วยที่จะเสนอให้นายเศรษฐา เป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนตัวคิดว่าคนที่มีความเหมาะสมเป็นนายกรัฐมนตรี มีความซื่อสัตย์ มากที่สุดคือนายชัยเกษม เพราะมีความเป็นนักกฎหมาย ซึ่งเดิมทักษิณ หญิงพจมาณเลือกนายชัยเกษม แต่ยิ่งลักษณ์ขอไว้ แน่นอนว่านายเศรษฐาได้ตั๋วปู

 

 

เมื่อถามว่าทำไมถึงต้องเป็นคนออกมาแฉนายเศรษฐา มีปัญหากันหรือไม่ นายชูวิทย์บอกว่า ตนไม่ได้โกรธเคืองนายเศรษฐา แต่พรรคเพื่อไทยเกิดการตะบัตสัตย์พลิกขั้วตั้งรัฐบาล แล้วเอานายเศรษฐามาเป็นหุ่นเชิด การที่ตนออกมาพูดเพราะนายกฯประเทศไทยต้องมีความซื่อสัตย์

 

 

ซึ่งแฉครั้งนี้ยืนยันว่าแฉเพื่อชาติ จะเอาไปยื่นให้กับพรรคก้าวไกล เพื่อพิสูจน์ว่าก้าวไกลกล้าไหม เห็นบอกว่าอยากลดขนาดนายทุนในประเทศ สำหรับการออกมาเปิดเผยข้อมูลครั้งนี้ นายชูวิทย์ ระบุว่าเป็นการแฉเพื่อชาติ และเป็นเพียงเรื่องแรก ยังมีอีกหลายเรื่อง ที่ยังรอการเปิดเผยอยู่อีกด้วย

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube