“สุพันธุ์” ห่วงหนี้ครัวเรือนสูง แนะสร้างความพร้อมทางการเมืองดึงดูดการลงทุน พร้อมแก้หนี้บัตรเครดิตประชาชน ใช้นวัตกรรมเพิ่มพลังเกษตรกร-เอสเอ็มอี
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย แสดงความกังวลกรณีหนี้ครัวเรือนพุ่งสูง 90.6% ของจีดีพี หรือเท่ากับ 16 ล้านล้านบาทจากรายได้ของทั้งประเทศ 17 ล้านล้านบาท ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการระบาดของโควิดยาวนานถึง 3 ปี แม้อัตราการว่างงานจะไม่สูง แต่รายได้ลดน้อยลงไป ค่าครองชีพสูงขึ้น ดอกเบี้ยสูงขึ้น ทำให้เงินเหลือเก็บน้อยลง ต้องกู้หนี้ยืมสินเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ นายสุพันธุ์ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า จีดีพีรวมของประเทศโตขึ้น 3% แต่เนื่องจากสถาการณ์การถดถอยของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจจีนกับสหรัฐอเมริกา ทำให้ตัวเลขการส่งออกคาดว่าจะติดลบ 1-2% โดยการส่งออกมากที่สุดตอนนี้ คือ ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และอื่นๆ เช่น เกษตร เป็นต้น แต่การจ้างงานของภาคยานยนต์เองก็ไม่มากเท่าภาคเกษตร และคนไทยไม่ใช่เจ้าของกิจการเอง ดังนั้นจึงยังมีความเหลื่อมล้ำอยู่มาก อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่าสนใจคือนักลงทุนประเทศจีนย้ายฐานการผลิตเข้ามาในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น เป็นโอกาสหนึ่งที่ไทยจะต้องคว้าโอกาสไว้ ตอนนี้มีความพร้อมเรื่องวีซ่า และพลังงาน รวมทั้งค่าครองชีพต่ำ แต่เราต้องสร้างความพร้อมในเรื่องการขนส่ง โครงสร้างพื้นฐาน และสำคัญคือเรื่องการเมือง
หากวิเคราะห์แยกตามสินเชื่อแต่ละประเภท สินเชื่อบ้าน 34% สินเชื่อเพื่อการประกอบอาชีพ 28% สินเชื่อบัตรเครดิต 27% และสินเชื่อรถยนต์ 11% นายสุพันธุ์ มองว่า สินเชื่อบัตรเครดิตน่าเป็นห่วงมากกว่าประเภทอื่น เพราะดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านไม่แพง และสินเชื่อรถยนต์ รถเหล่านี้ยังสร้างรายได้ได้ แต่สินเชื่อบัตรเครดิตที่ยิ่งเพิ่มแสดงว่าคนมีเงินไม่พอ รายได้ลดลง แถมดอกเบี้ยแพง รวมหนี้เครดิตบูโรเกือบแสนล้านบาท ซึ่งตัวเลขตอนนี้ยังไม่รวมหนี้นอกระบบ ดังนั้นการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนในระยะสั้นต้องแก้หนี้เสียเครดิตบูโร รหัส 21 ก่อน พักหนี้ 3 ปีและลดดอกเบี้ยให้ 2 ปี เพื่อให้คนเหล่านี้กลับมามีเครดิตกู้เงินมาฟื้นฟูกิจการได้
ส่วนมาตรการระยะกลาง นายสุพันธุ์ เสนอว่า ธนาคารควรหยุดการขึ้นดอกเบี้ย เพราะยิ่งขึ้นดอกเบี้ย หนี้ของประชาชนยิ่งสูง เงินต้นก็ไม่ลด สุดท้ายก็เป็นอุปสรรคให้พวกเขากลับมาทำมาหากินไม่ได้ กำลังการใช้จ่ายน้อยลง ทุกวันนี้ธนาคารกำไรเยอะขึ้น แต่คนจนลง ธนาคารต้องกลับมาช่วยคนก่อน และรัฐต้องอัดฉีดเงินเข้าไปแก้ปัญหาเป็นเงินทุนให้ประชาชน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจหลังเปิดประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทยและส่วนกลางต้องจับมือและทำงานไปด้วยกัน
สำหรับปัญหาหนี้ครัวเรือนเป็นระเบิดเวลาก้อนใหญ่ ผมพูดมาตั้งแต่อยู่สภาอุตสาหกรรมตั้งแต่ 60% ของจีดีพี ตอนนี้เป็น 90% ขณะที่หนี้สาธารณะก็สูง แทนที่หนี้สาธารณะสูงจะเอามาทำให้คนอยู่ดีกินดี หนี้ครัวเรือนลดลง เพราะประเทศมีเครดิต แต่ประชาชนไม่มี”
นายุสพันธุ์ แนะนำว่า วันนี้รัฐไม่ควรมองแค่ว่าจะขึ้นค่าแรงเท่าไร แต่ควรมองว่าต้องทำอย่างไรให้เงินในกระเป๋าของประชาชนเหลือมากขึ้น เช่นทำให้ค่าใช้จ่ายของประชาชนถูกลง และรายได้เพิ่มขึ้น เช่น ดูแลการเกษตรให้ต้นทุนน้อยลง ราคาพืชผลสูงขึ้น ด้วยการใช้เทคโนโลยี พร้อมทั้งขยายตลาดไปยังต่างประเทศ ขณะเดียวกันต้องใช้นวัตกรรมเพิ่มพลังเอสเอ็มอีให้ขยายไปไม่ต่ำกว่า 50% ของจีดีพีเพื่อกระจายความมั่งคั่งและลดความเหลื่อมล้ำ พร้อมย้ำว่า ถ้าเราทำดีๆ ประเทศไทยสามารถเป็นอันดับหนึ่งของอาเซียนได้แน่นอน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
