สืบนครบาลบุกจับ “จีมินช็อง” หนุ่มไทย หนีคดียาเสพติด ทำศัลยกรรม face off กลายเป็นโอปป้า
ตำรวจสืบสวนนครบาล จับกุม นายจีมิน-ซ็อง หรือ ชื่อเดิม นายสหรัฐ อายุ 25 ปี สัญชาติไทย ผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลอาญาที่ 626/2565 ลงวันที่ 2 ธ.ค. 65 ข้อหา “ร่วมกันนำเข้ายาเสพติดให้โทษประเภท 1 (MDMA) เข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตและร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (MDMA)
โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และ ทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป และ สมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดและได้มีการกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน” โดยจับกุมได้ที่ห้องพักในคอนโดชื่อดังแห่งหนึ่งในพื้นที่เขตบางนา จ.กรุงเทพฯ แขวงบางนา เขตบางนา จ.กรุงเทพฯ ตรวจยึดของกลางโทรศัพท์ 2 เครื่อง ซึ่งใช้ในการติดต่อสั่งนำเข้ายาเสพติดจากต่างประเทศ และตรวจยึดทรัพย์สินอีกจำนวน 22 รายการ
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. สืบสวนจนกระทั่งสามารถยืนยันตัวตนของหนุ่มเกาหลีรายนี้ได้ คือ นายจีมิน-ซ็อง ซึ่งแท้จริงเป็นคนสัญชาติไทย แต่จงใจเปลี่ยนชื่อให้เหมือนคนเกาหลี โดยมีชื่อเดิมว่า นายสหรัฐ อีกทั้ง นายจีมิน-ซ็อง ยังได้เปลี่ยนแปลงใบหน้าด้วยการศัลยกรรมไปจนกลายเป็นคนละคน ไม่เหลือเค้าโครงเดิม ( Face off )
จากการตรวจสอบพบว่า นายจีมิน-ซ็อง เป็นบุคคลตามหมายจับ ซึ่งเคยถูกพนักงานสอบสวน บช.ปส. ออกหมายจับไว้ตามหมายจับศาลอาญาที่ 626/2565 ลงวันที่ 2 ธ.ค. 65 ในคดีที่เจ้าหน้าที่กรมศุลกากรได้ตรวจพบยาเสพติดยาอี หรือ ยาเลิฟ (MDMA) แบบผลึกสีขาวขุ่น น้ำหนัก 2,575 กรัม และ แบบเม็ดยาจำนวน 290 เม็ด ที่แอบบรรจุมาในพัสดุ “กล่องจิ๊กซอว์” เมื่อวันที่ 11 พ.ย. 65 ซึ่งมีแผนประทุษกรรมเดียวกัน
ในชั้นจับกุม นายจีมิน-ซ็อง ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “ตนเองบ้านเดิมอยู่ย่านบางกอกน้อย โดยรับว่าที่ตนเองเปลี่ยนมาเป็นชื่อภาษาเกาหลีเพราะอยากย้ายไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ประเทศเกาหลีใต้ เนื่องจากเบื่อหน่ายชีวิตในประเทศไทย ซึ่งตนเองสามารถพูดภาษาเกาหลีได้เพียงเล็กน้อย และยังออกเสียงไม่ได้ และได้ยอมรับว่ามารดาของตนนั้น เคยถูกดำเนินคดีจำหน่ายยาเสพติดชนิด “ยาเสียสาว” จำนวนกว่า 200,000 เม็ด โดยนำเข้ามาจากประเทศปากีสถาน เมื่อปี 2554
ซึ่งปัจจุบันมารดาได้พ้นโทษออกมาแล้ว และย้ายไปอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส และได้ยอมรับว่าตนเริ่มเข้าวงการจำหน่ายยาเสพติด จากการเข้าไปศึกษาในดาร์คเว็บและแชทพูดคุยกับคนในดาร์คเว็บ โดยไม่รู้จักชื่อและตัวตนจริง ผ่านทางหลายเว็บไซต์ เช่น คิงดอม, โบคีเมีย เป็นต้น ซึ่งได้รับว่าตนเองมีคอนเนคชั่นนำเข้ายา MD หรือยาอี จากทั่วโลก
แต่ที่ประสานงานดีที่สุดคือ ประเทศเนเธอแลนด์ โดยจะนำเข้ามาในรูปแบบการส่งเป็นพัสดุเข้ามาตามปกติ และอ้างว่าตนเองสามารถเล่นแร่แปลธาตุแปลงยา จากน้ำเป็นก้อน จากก้อนเป็นน้ำได้ โดยศึกษาวิธีการจากอินเทอร์เน็ต ซึ่งการซื้อขายยาเสพติดจากดาร์กเว็บที่ตนใช้ประสานงานนั้น จะซื้อขายจ่ายเงิน ผ่านทางคริปโตเคอเรนซี่
และได้ยอมรับว่า ล่าสุดตนเองได้สั่งยาอีที่กำลังจะเข้ามาในไทย อีกจำนวนครึ่งกิโลกรัมและ 30 กิโลกรัม แต่มาถูกจับกุมเสียก่อน และยอมรับว่ารู้ตัวว่าตนเองมีหมายจับ แต่เข้าใจว่าอาจเป็นคดีอื่น โดยในคดีนี้ที่ถูกออกหมายจับเพราะว่า ทำพลาดจนถูกศุลกากรตรวจพบยาอีที่ส่งพัสดุเข้ามาจำนวน 2.5 กิโลกรัม เพราะลูกน้องไม่ได้ทำตามแผนที่ตนสั่งการไว้” โดยหลังเสร็จสิ้นการจับกุมได้นำตัว นายจีมิน-ซ็อง ส่งพนักงานสอบสวน บก.ปส.1 บช.ปส. เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews