fbpx
Home
|
อาชญากรรม

“ชูวิทย์” สัมนาปฏิรูปตำรวจอัดแค่ภาพลวงตาจี้เปลี่ยนผู้นำก่อน

Featured Image
“ชูวิทย์”สัมนาปฏิรูปตำรวจ อัดเป็นแค่ภาพลวงตา จี้ต้องปฏิรูปผู้นำเป็นคนแรก ซัดผู้นำในองค์กรตำรวจกลับเป็นหัวหน้าอาชญากร

 

 

นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองและนักธุรกิจกลางคืน กล่าวถึงการมาร่วมสัมมนาทิศทางการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมและตำรวจของประเทศไทย ที่สภาผู้แทนราษฎรจัดขึ้นว่า ที่ผ่านมา 7-8 ปี มองการปฏิรูปต่างๆ เป็นเพียงภาพลวงตา เพราะไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ดังนั้น สิ่งที่ต้องทำคือ ผู้นำควรปฏิรูปเป็นอันดับแรก ไม่เช่นนั้นองคาพยพทั้งหมดจะไม่คืบหน้า เพราะจะเห็นได้จาก ผู้นำในองค์กรตำรวจกลับเป็นหัวหน้าอาชญากร เช่น กรณีของมาเก๊า 888 แต่เป็นเพียงตัวเล็กเท่านั้น หากจะล้มกระดานจริง

 

ต้องเอาตัวใหญ่ก่อน ไม่ใช่เปิดเผยที ก็ตามจัดการที ซึ่งกรณีที่นายมายด์หลบหนีไปกบดานที่ต่างจังหวัดก็เป็นเพราะตำรวจที่บอกให้รู้ตัว ซึ่งยุคที่การพนันออนไลน์เติบโตก็เป็นของนายพล จ. ชื่อจริง อักษรย่อ ก. อยู่ในองค์กรตำรวจไซเบอร์ และนายซัวที่เกี่ยวข้องกับนายพลดังกล่าว โดยนายซัวทำโครงสร้างไว้อย่างดีด้วยการจัดตั้งมูลนิธิเป็นต่อบังหน้านำเงินไปแจกเด็ก อีกทั้งยังจัดตั้งสหกรณ์ บริษัทรับแลกเงิน และซอฟต์แวร์เกมพนันออนไลน์ จำนวนเงินอาจไม่เยอะ 2,000-3,000 บาทแต่มีผู้เล่นจำนวนมากตั้งแต่เยาวชนไปจนถึงวินมอเตอร์ไซค์ ปริมาณเงินจึงมหาศาล ปล่อยปละละเลยให้มีกระบวนการนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร

 

ทั้งนี้ นายชูวิทย์ จึงเสนอให้จัดการเรื่องใหญ่ในองค์กรต่างๆ เช่น พนันออนไลน์และอาชญากรรม จัดการตัวร้ายตัวใหญ่ระดับหัวหน้า เพราะมาเก๊า 888 บริจาคเงินให้พรรคประชาธิปัตย์ แสดงว่า เป็นนายทุนให้พรรคประชาธิปัตย์ เพราะส่งรายชื่อน้องคนที่สองในบรรดาพี่น้อง 4 คนมาเป็นผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคฯ ขณะที่พรรคพลังประชารัฐ ก็มีตู้ห่าวเป็นนายทุนบริจาคเงินให้

 

ทำให้เงินสีเทาเข้าในพรรคการเมือง และพรรคการเมืองก็มาเป็นรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลควบคุมตำรวจและกระบวนการยุติธรรม พร้อมตั้งคำถามว่า ยังมีอีกกี่พรรคการเมืองที่รับเงินสีเทา และขอฝากไปยังสภาผู้แทนราษฎรว่า มีเงินสีเทาเข้าไปในพรรคการเมือง ดังนั้นพรรคการเมืองหรือกรรมการการเลือกตั้งมีนโยบายอย่างไร แต่อย่าบอกว่า ไม่ทราบเรื่อง หรือการจัดตั้งโต๊ะจีนรับบริจาคมีกี่โต๊ะที่เป็นพวกทำพนันออนไลน์มาซื้อ

 

ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นก็ถือเป็นวิธีการฟอกของพรรคการเมืองเช่นเดียวกัน ขณะเดียวกัน นายชูวิทย์ ยังเปิดเผยข้อมูลถึงนายซัวว่า เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องในโรงเรียนเดียวกันกับนายพล จ. นายซัวเป็นเด็ก ภ.ป.ร. ราชวิทยาลัยที่สามพราน เป็นตำรวจด้วยกันและอยู่ในหน่วยงานไซเบอร์เดียวกัน และเป็นประธานบริษัท มีการเกื้อหนุนกันตลอดอีกทั้ง ภ.ป.ร.ใช้วิธีการปกครองแบบรุ่นพี่รุ่นน้อง เวลาไปเที่ยวยกกันไป 10 กว่าคน

 

ส่วนตัวมีภาพเป็นหลักฐาน เพราะเวลาจะจัดการใคร ต้องเป็นเรื่องที่กระทบกับความมั่นคงระดับสูง และนายซัวเป็นหัวหน้าองค์กรอาชญากรรม และไล่ออกไม่เพียงพอ จะมาชิงตัดหน้าขอลาออกและไปเซ็นย้อนหลังตนรู้ทันหมด เพราะตัวไม่ได้อยู่เมืองไทยจะเซ็นลาออกได้อย่างไร นอกจากนี้ นายซัวต้องถูกดำเนินคดี ต้องถูกขุดถูกรื้อโดยข้อมูลทั้งหมดได้ส่งให้ พลตำรวจจิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง

 

 

ส่วนการเอาผิดนายพล จ. นั้น นายชูวิทย์ กล่าวว่า บางอย่างไม่สามารถใช้วิธีการทางกฎหมาย กับคนใช้วิธีการนอกกฎหมายได้ จึงต้องใช้วิธีการนอกเกม หากยังไม่หยุดพฤติการณ์นี้ ตนก็มีหลักฐานในการออกมาแฉอีก แน่นอนว่า มีสงครามต้องบาดเจ็บกันหมด แต่ไม่กลัว เพราะต้องการให้คนในสังคมไทยพูดความจริง การปราบปรามทุจริตคอร์รัปชันในทุกวงการ ถ้าไม่มีคนพูดความจริง จะไม่สำเร็จ

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube